บ่ายวันที่ (15 กรกฎาคม 2564) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายแพทย์มนู ศุกลสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สุราษฎร์ธานี และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันแถลงถึงความพร้อมของพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการสมุย พลัส (SAMUI Plus) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว หลังซบเซาจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 มาเป็นเวลายาวนาน ณ The Seen Beach Club เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากนโยบายของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการให้เปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน โดยทยอยเปิดในพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน และได้เริ่มดำเนินการที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก ภายใต้โครงการเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต หรือ Phuket Sandbox เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ พื้นที่เป็นเป้าหมายลำดับถัดไป คือ จังหวัด สุราษฎร์ธานี เฉพาะเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ซึ่งเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ ในชื่อโครงการสมุย พลัส หรือ SAMUI Plus โดยวางมาตรการทั้งด้านสาธารณสุข การเดินทาง และการตลาดไว้อย่างรัดกุม เพื่อให้การเปิดพื้นที่ในครั้งนี้ สามารถสร้างความประทับใจและดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวให้เดินทาง อีกทั้ง สร้างความเชื่อมั่นด้านสาธารณสุขให้กับชาวเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่าได้อีกด้วย
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากที่ ศบค.และ ครม.เห็นชอบจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือกันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมของระบบ Samui Plus Model มีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับ SOP (Standard Operation Procedures) เช่น พนักงานขับเรือ/รถ ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว กิจการ Wellness พนักงานโรงแรมส่วนหน้า SHA Plus Manager อาสาสมัครโรงแรม เป็นต้น จังหวัดได้สนับสนุนงบพัฒนาจังหวัดให้วิทยาลัยนานาชาติ เพื่อการท่องเที่ยวเกาะสมุย จัดอบรมให้ความรู้ในการดูแลความปลอดภัยด้านสาธารณสุข การต้อนรับ ดูแลนักท่องเที่ยวและการให้บริการที่ดีด้วย และได้มีคำสั่งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติ Command Center จำนวน 4 ศูนย์ โดยมีทั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดและอำเภอ มีการกำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค สำหรับผู้ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน และเกาะเต่า โดยออกคำสั่งจังหวัดเพื่อควบคุม กำกับ ได้แก่ มาตรการก่อนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ รวมถึงการเดินทางในพื้นที่ต้องเป็นไปตามรูปแบบ Samui Plus Model มีการกำหนดท่าเทียบเรือ เพื่อมิให้ใช้ร่วมกับเรือสาธารณะ จำนวน 3 ท่าเทียบเรือ คือ ท่าเทียบเรือหน้าพระลาน ท่าเทียบเรือท้องศาลา และท่าเทียบเรือบ้านแม่หาด และได้มีแผนเผชิญเหตุไว้ 3 ระดับ คือ รุนแรงน้อย กรณีพบประชาชนในพื้นที่ติดเชื้อมากกว่า 20 ราย รุนแรงปานกลาง กรณีพบกระจายเชื้อ 3 คลัสเตอร์ ที่เกี่ยวเนื่องภายใน 2 สัปดาห์ และรุนแรงสูงสุด กรณีนักท่องท่องเที่ยวติดเชื้อจากโครงการมากกว่า 40 คน ภายใน 2 สัปดาห์ และมีการระบาดวงกว้างยากต่อการควบคุมให้กลับสู่สภาวการณ์ปกติ และได้ขอความร่วมมือประชาชน ผู้ประกอบการเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวและให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด
นายแพทย์มนู ศุกลสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เป็นพื้นที่ขนาดเล็ก มีบุคคลากรและสถานพยาบาลที่จำกัด จึงต้องวางมาตรการทางสาธารณสุขอย่างรัดกุม โดยแยกเป็น 5 ส่วนการดำเนินการได้แก่ ขั้นตอนที่ 1. การคัดกรอง ได้เตรียมความพร้อมของทีมคัดกรองสนามบิน ประกอบด้วย ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ โรงพยาบาลเกาะสมุย สสอ.เกาะสมุย สนามบินสมุยและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ มีการบูรณาการร่วมกันในการคัดกรองนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางเข้าพื้นที่ และดำเนินการคัดกรองตามขั้นตอน ได้แก่ การตรวจวัดอุณหภูมิโดยเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พร้อมทั้งตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องของเอกสาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกคำสั่งการกักกันตัวในโรงแรม Samui Extra plus ภายใต้ Samui Plus Model เป็นเวลา 14 วัน และหากเอกสารไม่ถูกต้องจะถูกปฏิเสธการเข้าราชอาณาจักร ขั้นตอนที่ 2. AQ การเตรียมความพร้อม โดยนายอำเภอเกาะสมุยได้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจประเมินสถานที่กักกันโรคแห่งรัฐทางเลือกอำเภอเกาะ สมุย ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รพ.เกาะสมุย สสอ.เกาะสมุย ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ สำนักงานขนส่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย เทศบาลนครเกาะสมุย สมาคมท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม คณะกรรมการชุมชนและตัวแทนภาคประชาชน สื่อสารมวลชน โดย 1. มีการเปิดรับสมัครโรงแรมและวิลล่า Samui Extra plus 2. แล้วลงพื้นที่ โรงแรมและวิลล่า Samui Extra plus ที่ผ่านเกณฑ์โดยคณะกรรมการตรวจประเมิน 3. มีการจัดอบรมให้ความรู้ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการปฏิบัติตัวขณะปฏิบัติงานใน Samui Extra plus ซึ่งประกอบไปด้วย COVID MANAGER อาสาสมัครสาธารณสุขประจำโรงแรม (อสร.) และพนักงานขับรถ 4. มีการซักซ้อม COVID MANAGER และ อสร. เพื่อความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานต่างๆ โดยมีโรงพยาบาลเกาะสมุยเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล และ 5 รพ.เกาะสมุย สสอ.เกาะสมุย และขนส่ง จ.สฎ. สาขาเกาะสมุย จัดอบรมพนักงานขับรถ ของแต่ละโรงแรมในเรื่องการป้องกันตนเองและการทำความสะอาดรถหลังจากให้บริการนักท่องเที่ยว ขั้นตอนที่ 3. การเฝ้าระวัง และป้องกัน ด้วยทางกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค ร่วมกับกระทรวงดิจิทัล ได้มีการนำแอปพลิเคชั่น หมอชนะ และ COSTE เข้ามาใช้ในโรงแรมและวิลล่า Samui Extra plus ทำให้ทางผู้ปฏิบัติงานมีความสะดวกในการติดตามเฝ้าระวังอาการของนักท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็ว และในกรณีนักท่องเที่ยวไม่ส่งผลการตรวจวัดอุณหภูมิตามที่กำหนด ทาง COVID MANAGER และ อสร. ประจำโรงแรมจะเป็นผู้ติดตามการส่งข้อมูลต่อไป ขั้นตอนที่ 4. การสอบสวนโรค กรณีพบเชื้อในนักท่องเที่ยวการสอบสวนโรคในกรณีนี้จะใช้การติดตามผ่าน QR code หมอชนะประจำตัวนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถดูการเดินทางย้อนหลังได้ และสามารถทราบถึงผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในแต่ละจุดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลดีสำหรับการสอบสวนโรคและการควบคุมโรค และ ขั้นตอนที่ 5. การรักษากรณีพบเชื้อ เมื่อผลการ swab เป็นบวก ทาง COVID MANAGER จะโทรแจ้งนักท่องเที่ยวให้เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว และรอรถ รพ.เกาะสมุย มารับเข้าทำการทำการรักษา ส่วนในกรณีที่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะให้ทำการกักตัวพร้อมส่งตรวจตัวอย่างเชื้อต่อไป
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า โครงการ SAMUI Plus เริ่มดำเนินการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เป็นพื้นที่ที่ 2 ถัดจากจังหวัดภูเก็ต โดยดำเนินการใน 3 เกาะ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ซึ่งมีความสวยงาม ทั้งนี้ ททท. ประสานกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการวางแผนและดำเนินการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน 10 ขั้นตอน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดียิ่งทำให้การดำเนินโครงการราบรื่นและเข้มแข็ง ได้แก่ แผนการทำความเข้าใจถึงมาตรการรองรับและฝึกอบรมผู้ประกอบการ แผนการรองรับสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ แผนประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร แผนการ คัดกรองเกี่ยวกับขาเข้า ทางเครื่องบิน ทางเรือ และทางบก แผนการควบคุม ดูแลความปลอดถัย ภายในและภายนอกสถานประกอบการ แผนการขนส่ง ลำเลียงการเดินทางนักท่องเที่ยวและผู้ป่วยทางเครื่องบิน ทางเรือ และทางบก แผนการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น แผนการติดตามและประเมินผล แผนบริหารจัดการขยะ และแผนการส่งเสริมการตลาด ซึ่งมั่นใจว่าแผนดำเนินการดังกล่าว จะสามารถทำให้โครงการ SAMUI Plus ประสบผลสำเร็จทั้งเชิงรายได้ ความมั่นใจด้านสาธารณสุข และการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยคาดการณ์ว่าเมื่อผ่านไป 1 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประมาณ 1,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 180,000,000 บาท
ททท. ได้มีแผนการประชาสัมพันธ์โดยได้เชิญสื่อมวลชน เซเลบริตี้ และอินฟลูเอ็นเซอร์ จากทั่วโลกให้ได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจ พร้อมทั้งทดสอบสินค้าทางการท่องเที่ยว แล้วถ่ายทอดไปยังผู้ชม ผู้ติดตาม แฟนเพจ รวมทั้ง เชิญนักธุรกิจจากบริษัทชั้นนำ เพื่อมาเจรจาธุรกิจหรือลงทุนในเกาะสมุย สำหรับวันแรกของการเปิดโครงการฯ (15 กรกฎาคม 2564) มีผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาจำนวนรวม 9 คน ล้วนเป็นสื่อมวลชนที่ ททท. ได้เชิญเพื่อให้สัมผัสการบริหารจัดการของโครงการ SAMUI Plus โดยเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของบางกอกแอร์เวย์สเที่ยวบิน PG 5125 กรุงเทพฯ – สมุย เวลา 11.10 น. จำนวน 5 คน จากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี เที่ยวบินที่ 2 PG 5171 ถึงสมุย เวลา 18.15 น. จำนวน 4 คนจากสิงคโปร์และฮ่องกง
สำหรับเกณฑ์การรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติที่เดินทางจากต่างประเทศเพื่อเข้าโครงการ SAMUI Plus คือ ต้องมาจากประเทศหรือพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติจาก ศบค. ซึ่งพิจารณาจากหลักเกณฑ์ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งผ่านการเสนอจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและ ททท. โดยมีหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (COE) มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าปลอดเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง มีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล หรือหลักประกันอื่นใด ซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด-19 ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐฯ รวมทั้ง มีเอกสารหรือหลักฐานรับรองการรับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด ไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนเดินทาง สำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีนต้องเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแลและให้มีใบรับรองแพทย์ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงประเทศไทยจะต้องถูกตรวจคัดกรองโดยวิธี RT-PCR อีก 3 ครั้ง ครั้งแรก ในวันที่เดินทางมาถึง ครั้งที่ 2 ในวันที่ 6 – 7 และครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 – 13 โดยเมื่ออยู่ครบ 14 วัน จึงจะเดินทางไปพื้นที่อื่นของประเทศไทยได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการออกจากประเทศไทยก่อนอยู่ครบ 14 วัน จะต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเท่านั้น
ในส่วนการพำนักภายในโครงการ SAMUI Plus นั้น นักท่องเที่ยวต้องเข้าพักในโรงแรมที่ Samui Extra Plus Hotels ซึ่งเป็นโรงแรมระดับมาตรฐาน AQ บนเกาะสมุยเท่านั้น หากผลการตรวจครั้งแรกเป็นลบ จึงสามารถออกจากห้องพักและทำกิจกรรมภายในบริเวณของโรงแรมได้ (Chill at Hotel) ในวันที่ 4 – 7 สามารถเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางตามโปรแกรมท่องเที่ยวโดยบริษัทนำเที่ยวที่ผ่านการอบรม ในเส้นทางที่กำหนดเป็นการเฉพาะ หรือ Sealed Route มี 3 เส้นทาง ได้แก่ หาดถ้ำร้าง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง การล่องเรือ กิจกรรมเชิงสุขภาพ ( Wellness and Spa ) ในวันที่ 8 – 14 นักท่องเที่ยวสามารถเปลี่ยนโรงแรมได้ แต่เป็นโรงแรมได้รับเครื่องหมาย SHA Plus ทั้งบนเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมที่นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติ อาทิ การให้นักท่องเที่ยวติดตั้งแอปพลิเคชั่น Thailand Plus แอปพลิเคชั่น หมอชนะ และลงทะเบียนเพื่อเข้าพื้นที่ อำเภอเกาะสมุย ผ่านทาง healthpass.smartsamui.com รวมไปถึงการนำระบบ SHA Manager มาใช้ เพื่อให้มีผู้สามารถตอบคำถามและคอยดูแลนักท่องเที่ยว พร้อมรายงานปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถให้การช่วยเหลือและแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที รวมไปถึงชาวเกาะสมุย ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ภาครัฐและภาคเอกชน ยังให้ความร่วมมือร่วมใจเป็นอย่างดี ได้มีการกำหนด SOP ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติอย่างละเอียด ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวและชาวเกาะสมุยได้ปลอดภัยจากการติดเชื้อและป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างกัน ส่งผลให้สามารถบริหารทรัพยากรด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายรัชชพล พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวในนามของชาวสมุยว่า ชาวเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางมาเยือน เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อนและได้ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม ทำกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สนุกตื่นเต้น ชิมอาหารรสเลิศ และรับการบริการที่ดีเยี่ยม เราหวังว่าการดำเนินโครงการ SAMUI Plus ในครั้งนี้ จะช่วยฟื้นคืนบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาให้ชาวเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่าได้อีกครั้ง
ในส่วนของนักท่องเที่ยวคนไทยหรือผู้ที่พำนักในประเทศไทยนั้น สามารถติดตามมาตรการการเข้าและออกเกาะสมุยได้จากเฟสบุคแฟนเพจ : ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุย (www.facebook.com/covidcenterkohsamui) และค้นหาสถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA Plus ได้ที่ https://www.thailandsha.com ทั้งนี้ ผู้ประกอบการบนเกาะสมุย เกาะเต่า และเกาะพงัน ได้รับเครื่องหมาย SHA Plus รวม 160 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2564)