นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงาน “20 ปี พม. เสริมพลัง สร้างโอกาส พัฒนาคนทุกช่วงวัย” โดยมี นายอนุกูล ปิดแก้ว อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการ “20 ปี พม. เสริมพลัง สร้างโอกาสพัฒนาคนทุกช่วงวัย” กล่าวรายงาน พร้อมทั้งเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง” และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การสร้างความร่วมมือในการส่งมอบอาหารส่วนเกินที่มีความปลอดภัยสู่ผู้ขาดแคลนอาหาร ระหว่าง กระทรวง พม. กับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS” นอกจากนี้ ได้รับมอบรถเข็น คนพิการ จำนวน 500 คัน จากมูลนิธิเวชดุสิต ทั้งนี้ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และภาคีเครือข่ายเข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวง พม. สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ
นายจุติ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม) สถาปนาเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545 เพื่อเป็นหน่วยงานหลักด้านสังคมของภาครัฐในการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและเสริมสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้กับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสในสังคมเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อีกทั้งบูรณาการความร่วมมือในการทำงานกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ซึ่งนับถึงวันนี้ เป็นเวลา 20 ปี ที่ประชาชนได้รู้จักกับกระทรวง พม. ที่ เริ่มต้นจาก
การสงเคราะห์มาสู่การพัฒนาและการจัดสวัสดิการสังคม โดยดำเนินภารกิจตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และนโยบายทางสังคมของรัฐบาลที่มุ่งเน้นแก้ไขบัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน และนำมากำหนดเป็นทิศยุทธศาสตร์ของกระทรวง พม. ในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ซึ่งที่ผ่านมา ผลงานของกระทรวง พม. ล้วนเป็นที่ประจักษ์และเกิดประโยชน์แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ปี 2565 กระทรวง พม. จึงได้จัดงาน “20 ปี พม. เสริมพลัง สร้างโอกาส พัฒนาคนทุกช่วงวัย” ระหว่างวันที่ 29 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ กระทรวง พม. สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการขับเคลื่อนงานด้านสังคมในภาพรวมของประเทศสำหรัประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายด้วยการนำเสนอพัฒนาการและผลงานของกระทรวง พม. ในมิติที่ หลากหลาย ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมถึงเป็นโอกาสอันดีในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20 ปี ของกระทรวง พม.
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง” เป็นระหว่าง กระทรวง พม. กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หอการค้าสวิส – ไทย หอการค้าจังหวัดขอนแก่น และสภาอุตสาหกรรม ได้แก่ ภาคตะวันออก จังหวัดขอนแก่น และท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งสริม สนับสนุน และพัฒนากลุ่มเปราะบางให้มีทักษะด้านอาชีพเข้าสู่ตลาดแรงงานในฐานะแรงงานที่มีทักษะฝีมือ ในการสร้างรายได้ที่มั่นคงสำหรับการเลี้ยงดูครอบครัวและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ส่วนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การสร้างความร่วมมือในการส่งมอบอาหารส่วนเกินที่มีความปลอดภัยสู่ผู้ขาดแคลนอาหาร ระหว่างกระทรวง พม. กับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS)” เป็นการสนับสนุนการพัฒนาการจัดการระบบอาหารอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน BCG Model ด้วยการมอบหมายให้อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม) และหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ช่วยเหลือมูสนิธิฯ ในการนำอาหารส่วนเกินไปส่งมอบต่อผู้ขาดแคลนอาหารอย่างเป็นระบบ
นายอนุกูล กล่าวว่า กระทรวง พม. ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าร่วมงาน “20 ปี พม. เสริมพลัง สร้างโอกาส พัฒนาคนทุกช่วงวัย” ระหว่างวันที่ 29 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ กระทรวง พม. เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยเข้มเข็งไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจและหลากหลาย แบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 เวทีกลาง พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ พิธีมอบโล่รางวัลเชิดซูเกียรติ การเสนาวิชาการ และการแสดงบนเวที โซนที่ 2 การแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง พม. โซนที่ 3 การแสดงนิทรรศการและผลงานด้านการพัฒนาคนทุกช่วงวัยและทิศทางการดำเนินงานในอนาคต รวมทั้งการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย และโซนที่ 4 การแสดงผลงาน Soft Power กระทรวง พม. การแสดงผลิตภัณฑ์และผลงานภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ ดนตรี วัฒนธรรม และอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษที่ ไม่ควรพลาด สำหรับพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ โดยการเคหะแห่งชาติ (กคช) จะนำบ้านทั้งเช่าและเช่าซื้อเป็นจำนวนกว่า 18,000 ยูนิต ในโครงการต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด มาเปิดให้จองด้วยข้อเสนอพิเศษ อีกทั้งสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค) ซึ่งเป็นโรงรับจำนำของรัฐได้จัดกิจกรรมประมูลทรัพย์หลุดจำนำ ราคาพิเศษ ตลอดจนมีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาถูกอีกด้วย