นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า จากนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มอบหมายให้ทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดพื้นที่ศูนย์-สถาน-บ้าน-นิคมต่าง ๆ อาทิ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง บ้านเอื้ออาทร ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง บ้านพักเด็ก และครอบครัว เป็นต้น รวมทั้งหมด 34 แห่ง ใน 13 จังหวัด ซึ่ง ใน 34 แห่งนี้ มีศูนย์พักพิงชั่วคราวของการเคหะแห่งชาติ 3 พื้นที่ในจังหวัดเชียงราย จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทรเชียงราย (ริมกก) สามารถรองรับผู้ประสบภัยได้จำนวน 50 คน โครงการบ้านเอื้ออาทรเชียงราย (แม่สาย 1 และแม่สาย 2) สามารถรองรับผู้ประสบภัยรวม 100 คน และขณะนี้ พี่น้องประชาชนพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือรวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะจังหวัดลำปาง กำลังประสบภัยน้ำท่วมไหลเชี่ยว เนื่องจากฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างถึง 15 อำเภอ การเคหะแห่งชาติ จึงได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวเพิ่มเติมขึ้นอีกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทรเชียงใหม่ (หนองหอย) สามารถรองรับผู้ประสบภัยได้จำนวน 20 คน และโครงการบ้านเอื้ออาทรเชียงใหม่ (สันผีเสื้อ) สามารถรองรับผู้ประสบภัยได้จำนวน 150 คน โดยหากรวมศูนย์พักพิงทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ ที่การเคหะแห่งชาติ จัดเตรียมรองรับเอาไว้ จะสามารถรองรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 320 คน และจะพิจารณาพื้นที่อื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือให้ทันตามสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้การเคหะแห่งชาติยังได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่โครงการของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ เป็นศูนย์กลางกระจายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เช่น การวางแผนจัดหาพื้นที่เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว จัดตั้งโรงครัวเพื่อจัดทำอาหารปรุงสุก พร้อมน้ำดื่มสะอาด รวมทั้งจัดทำถุงยังชีพ หรือสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ เช่น ยารักษาโรค ผ้าอนามัยสำหรับผู้ป่วย ติดเตียง เป็นต้น ให้กับผู้ประสบภัยโดยส่งต่อไปยังศูนย์ปฏิบัติการบริหารสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฯ 2 พื้นที่ คือ จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดนครสวรรค์ และจะมีการพิจารณาจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฯ ในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปอีก ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ในพื้นที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการประสานงานกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เพื่อให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากในพื้นที่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางไหลของน้ำ ปริมาณน้ำ ซึ่งจะทำให้แก้ไขปัญหาและรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเข้ามาใช้บริการศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่การเคหะแห่งชาติจัดเตรียมไว้ให้ได้ตลอดเวลา โดยจะมีอาหารปรุงสุก และน้ำดื่มรองรับไว้ให้พร้อม ผู้ที่ประสบภัยสามารถเข้าพักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวดังกล่าวได้ในทุก ๆ พื้นที่ที่การเคหะแห่งชาติ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดศูนย์พักพิงหรือศูนย์ให้ความช่วยเหลือ และหากประสบปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนให้ติดต่อสายด่วน พม. 1300
ของศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อ Call Center 1615 ก็จะมีการช่วยประสานงานให้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับน้ำท่วมได้ที่เฟซบุ๊คของการเคหะแห่งชาติได้อีกช่องทางหนึ่ง