“กรมเจ้าท่า” ร่วมฟื้นฟูทรัพยากรแหล่งน้ำทั่วประเทศ หลังขุดลอกร่องน้ำ บูรณาการหน่วยงาน ชุมชน และสถานศึกษา ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ปลูกหญ้าแฝก ลดการพังทลายคันดิน รณรงค์สร้างจิตสำนึกเยาวชน รักษาแหล่งน้ำ เพื่อใช้ประโยชน์ในทุกด้าน ต่อยอดสร้างอาชีพ ประมงน้ำจืด เพิ่มพื้นที่สีเขียว อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างชุมชนยั่งยืน
นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปฏิบัติการ เปิดเผยว่า กรมเจ้าท่าได้วางเป้าหมายแผนการฟื้นฟู
ร่องน้ำ โดยร่วมกับชุมชน เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำภายหลังการขุดลอก ซึ่งเป็นโครงการที่กรมเจ้าท่าตระหนักและให้ความสำคัญ ในด้านดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ลดการพังทลายของคันดิน รวมถึงสร้างประโยชน์การใช้แหล่งน้ำให้ประชาชน ควบคู่ไปกับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับภารกิจการขุดลองร่องน้ำของกรมเจ้าท่า และการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนในการดูแลแหล่งน้ำ โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งชุมชน และโรงเรียน เพื่อร่วมกิจกรรมในโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ในการขุดลอกร่องน้ำ จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของน้ำ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้งบประมาณที่จัดทำขึ้นทุกปี ด้วยความร่วมมือระหว่างกรมเจ้าท่าและชุมชนในพื้นที่ ร่วมทำกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาพื้นถิ่น พันธุ์กุ้งและการปลูกหญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริ เพื่อป้องกันหน้าดินพังทลาย ภายหลังการดำเนินการขุดลอกคูคลองและแม่น้ำ
ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการบริหารจัดการน้ำที่เชื่อมโยงอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อใช้ในภาคเกษตร อีกทั้งยังสามารถต่อยอดการส่งเสริม สนับสนุนอาชีพเกษตรกรรม อาชีพประมงน้ำจืด เพิ่มพื้นที่สีเขียว มีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย “การทำโครงการขุดลอกร่องน้ำ ตามแผนงานที่ต้องดำเนินงานทั่วประเทศ พร้อมไปกับการจัดทำ CSR ต้องมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานราชการในพื้นที่ ชุมชน โรงเรียน พร้อมการนำพันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง พันธุ์หญ้าแฝก มาใช้ฟื้นฟูแหล่งน้ำ เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ปลาในท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับภารกิจการขุดลอกร่องน้ำของกรมเจ้าท่า โดยมีการรณรงค์สร้างจิตสำนึกไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลอง และภารกิจของกรมเจ้าท่า ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาแหล่งน้ำที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน พร้อมไปกับการอนุรักษ์แหล่งน้ำที่เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติ ให้อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” นายสมพงษ์กล่าว