การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เคียงข้างประชาชนร่วมฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน โดยออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน
ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) รวมถึงมาตรการควบคุมทางด้านสถานที่และการดูแลเคหะชุมชนทั้งระบบ
นายณัฐพงศ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของ ประเทศไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ มีนโยบายช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมปรับนโยบายช่วยเหลือให้ทันกับสภาพสถานการณ์
ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด โดยได้มีการประชุมร่วมกับฝ่ายบริหารระดับสูงของการเคหะแห่งชาติ เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ในระยะยาว และจะมีมาตรการอื่นๆ เสริมในกรณีจำเป็นฉุกเฉินโดยยึดประชาชนเป็นหลัก
ทั้งนี้ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติมีนโยบายไม่ขอรับงบประมาณการศึกษาดูงานที่การเคหะแห่งชาติจัดเตรียมไว้ให้คณะกรรมการฯ ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง โดยขอให้นำงบประมาณในส่วนนี้ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป ซึ่งประชาชนต้องได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง สามารถพิสูจน์ได้ หากมีการทุจริตเกิดขึ้น แอบแฝงหรือหาประโยชน์จากใครก็ตาม ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งหรือร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ของการเคหะแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพบว่าพนักงานของการเคหะแห่งชาติมีส่วนร่วมในการทุจริต พนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานการเคหะแห่งชาติที่ได้กระทำผิดต้องโดนดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และได้รับการลงโทษสูงสุดทางวินัยคือให้ออกจากงาน เพราะถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนอย่างร้ายแรงในช่วงสถานการณ์เช่นนี้
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติมิได้นิ่งนอนใจต้องการอยู่เคียงข้างประชาชนร่วมฝ่าฟันวิกฤติสำคัญในครั้งนี้ โดยออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนในระยะที่ 1 ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อยในตลาดชุมชนการเคหะแห่งชาติ จำนวน 93 ตลาด 9,900 แผงร้านค้า แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตลาด ได้แก่ ประเภทตลาดขนาดใหญ่ 5 แห่ง ระดับ Plaza ประเภทตลาดนัด/ตลาดชุมชน 78 แห่ง ไม่มีหลังคา และประเภทตลาดถาวร 10 แห่ง ด้วยการลดค่าเช่าแผง 20 % เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน 2563 เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้ย่างแท้จริงกว่า 250,000 คน และมั่นใจได้ว่าสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าบริโภคและอุปโภคที่ตลาดได้ตามปกติ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือผู้เช่าซื้อและผู้เช่าโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรวมทั้งสิ้น 33,346 ราย และมีผู้ทำสัญญาเช่า 54,488 ราย รวมทั้งสิ้น 88,000 ราย โดยการเคหะแห่งชาติจะยกเว้นค่าปรับค้างชำระหนี้เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน 2563 ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติจะออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติยังได้ออกมาตรการ Work from Home เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ในสถานที่ทำงาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานการเคหะแห่งชาติอีกด้วย