กรุงเทพฯ เจค็อบส์ ครีก (Jacob’s Creek) แบรนด์ไวน์ยอดนิยมจากประเทศออสเตรเลียต้อนรับหน้าฝนอย่างอบอุ่นกับกิจกรรม เจค็อบส์ ครีก ควอลิตี้ เวิร์ธ แชร์ริง (Jacob’s Creek Quality Worth Sharing) ภายใต้แนวคิดในการรังสรรค์มื้ออาหารบนโต๊ะให้กลายเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่น่าประทับใจ พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์การรับประทานอาหารด้วยบทสนทนาที่อบอุ่นระหว่างมื้ออาหารคู่กับไวน์คุณภาพจากเจค็อบส์ ครีก โดยมีสองหนุ่มนักแสดงและเชฟทำอาหารชื่อดัง พิชญ์ กาไชย และ กันน์ – สรวิศ แสงวณิช จากรายการ MAKE A DISH ทางช่องยูทูบของ SIXTWELVE STUDIO มาร่วมสร้างสรรค์เมนูอาหารตะวันตกที่มีกิมมิกเฉพาะตัว 4 คอร์ส เสิร์ฟพร้อมไวน์หลากหลายรสชาติของเจค็อบส์ ครีก ณ ร้านอาหาร Maison Bleue ในงาน “MAKE A DISH x Maison Bleue Exclusive Dinner” ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในค่ำคืนที่แสนพิเศษ ถือเป็นการแบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขและความสนุกสนานส่งท้ายครึ่งปีแรกได้อย่างน่าประทับใจ
มร. เอ็มมานูเอล ดูเคลาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “เจค็อบส์ ครีก ควอลิตี้ เวิร์ธ แชร์ริง ได้ร่วมงานกับ MAKE A DISH หลายครั้งด้วยกัน และประทับใจในความสามารถและความเป็นกันเองของเชฟพิชญ์และเชฟกันน์ที่แบ่งปันประสบการณ์และเคล็ดลับการทำอาหารแบบสบายๆ ในบรรยากาศโฮมคุกกิ้งให้กับผู้ชม จึงอยากแชร์โมเมนต์สุดพิเศษนี้ออกมาเป็นประสบการณ์จริงที่สามารถจับต้องได้ ให้ทุกคนได้ลิ้มลองเสน่ห์แห่งรสชาติที่ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัวจากฝีมือเชฟทั้งสองคน”
เชฟพิชญ์ ชื่นชอบการรับประทานอาหารและรักการทำอาหารเองที่บ้านเป็นชีวิตจิตใจ และล่าสุดเขายังเป็นผู้คว้ารางวัลอันดับ 1จากรายการ MasterChef Celebrity มาครองอีกด้วย ในขณะที่เชฟกันน์ ก็มีประสบการณ์เคยทำงานในร้านอาหารในต่างประเทศก่อนกลับมาเปิดร้านอาหารของตัวเองในไทย และยังเป็นผู้คิดเมนูอาหารคาวให้กับร้าน Maison Bleue อีกด้วย เชฟกันน์ได้ร่วมลงแข่ง Top Chef Thailand Season 2 ซึ่งเขาคว้ารางวัลอันดับ 2 มาได้สำเร็จภายในงาน “MAKE A DISH x Maison Bleue Exclusive Dinner” ซึ่งจัดขึ้นที่ร้าน Maison Bleue บ้านสีฟ้าใจกลางสุขุมวิท ตกแต่งสไตล์คาเฟ่ฝรั่งเศส พร้อมบรรยากาศอบอุ่นชวนผ่อนคลาย เหมาะสำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษจากเชฟพิชญ์ และเชฟกันน์ ที่ได้มารังสรรค์อาหารตะวันตกในแบบฉบับของ MAKE A DISH จับคู่กับไวน์เจค็อบส์ ครีกที่คัดสรรมาอย่างดี โดยเชฟทั้งสองได้แรงบันดาลใจจากไวน์หลากหลายรสชาติของเจค็อบส์ ครีก จึงได้พิถีพิถันในทุกขั้นตอน รวมไปถึงการสร้างสรรค์เมนูเพื่อส่งต่อความอร่อยด้วยการปรุงอาหารที่เสิร์ฟตลอดค่ำคืนนี้ให้กับทุกคน
เชฟพิชญ์ และเชฟกันน์ เล่าให้ฟังถึงไอเดียและแรงบันดาลใจในการคิดค้นเมนูสำหรับอาหารมื้อพิเศษครั้งนี้ ว่า “เราใช้วัตถุดิบที่เข้ากับโน้ตของไวน์เจค็อบส์ ครีกเพื่อเวลาที่ดื่มคู่กับอาหารจะมีรสชาติที่กลมกล่อมมากที่สุด เราทั้งคู่คุ้นเคยกับการทำเมนูอาหารตะวันตก เราจึงคิดค้นเมนูทั้ง 4 คอร์สให้เข้ากับไวน์ของเจค็อบส์ ครีก และมีความเป็น MAKE A DISH ได้อย่างลงตัว ซึ่งการทำงานกับเจค็อบ ครีกส์ ในทุกครั้งนั้นเปิดโอกาสให้เราได้ลองทำอาหารใหม่ ๆ ได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ และได้ทำอะไรที่สนุกสนาน เราเลยรู้สึกอยากแบ่งปันช่วงเวลาดี ๆ ในการทำอาหารเช่นนี้ให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน”
เปิดดินเนอร์สุดพิเศษด้วยสปาร์คกลิ้งไวน์ระดับพรีเมียม เจค็อบส์ ครีก รีเซิร์ฟ สปาร์คกลิ้ง ชาร์ดอนเนย์ ปิโนต์ นัวร์ (Jacob’s Creek Reserve Sparkling Chardonnay Pinot Noir) ที่เสิร์ฟพร้อมกับเมนูอาหารว่างเรียกน้ำย่อยก่อนเข้าสู่มื้อหลักด้วย Charred scallop tart with caramelized cauliflower ที่ได้หอยเชลล์ย่างเกรดพรีเมียม รสหวานของหอยเชลล์สดและกลิ่นหอมของหอยเชลล์ย่างเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับดอกกะหล่ำที่มีรสอ่อนและนำมาย่างเพิ่มความหอมและความกรุบกรอบก่อนจะเข้าสู่อาหารจานหลักของมื้ออาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟในค่ำคืนนี้ด้วย Tuna tataki, apple and peaches salad with truffle dressing เนื้อปลาทูน่าสดสีแดงฉ่ำรสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ นำมาจี่ไฟพอสุกเพื่อให้ได้รสสัมผัสนุ่มละมุน เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผลไม้แอปเปิลและพีชซึ่งมีรสเปรี้ยวอมหวานเพิ่มความสดชื่นให้กับเมนูปลา พร้อมราดด้วยน้ำสลัดทรัฟเฟิลเพิ่มรสเข้มข้นและมีกลิ่นหอม โดยเมนูนี้ตั้งใจให้รับประทานคู่กับไวน์ เจค็อบส์ ครีก คลาสสิก ชาร์ดอนเนย์ Jacob’s Creek Classic Chardonnay
คอร์สถัดมาคือ Red wine beet risotto with sauteed squid, and crispy shallots โดยเชฟพิชญ์ และเชฟกันน์ ตั้งใจให้ริซอตโตจานนี้มีสีชมพูหวานชวนรับประทาน จึงได้เลือกนำข้าวมาผัดเคี่ยวกับบีทรูทและไวน์แดง ทานคู่กับปลาหมึกผัดซอส เนื้อหนึบหนับเคี้ยวเพลินและหอมแดงทอดกรอบตัดเลี่ยนได้อย่างดี เมนูอาหารอิตาเลียนที่มีรสชาติกลมกล่อมพร้อมเทกเจอร์ที่หลากหลายและเข้ากันอย่างลงตัว จับคู่กับไวน์ เจค็อบส์ ครีก ไวน์เมกเกอร์ส ซีเล็กชั่น ชีราส คาเบอร์เนต์ (Jacob’s Creek Winemaker’s Selection Shiraz Cabernet)
ต่อด้วยคอร์สที่สาม ซึ่งมีให้เลือก 2 เมนู โดยเมนูแรกนั้นเอาใจคนชอบรับประทานเนื้อด้วย Beef 2 way braised beef cheek and seared tenderloin served with mashed potatoes and grilled mushrooms เมนูเนื้อกระพุ้งแก้มที่ตุ๋นจนนุ่มและเนื้อสันในที่ย่างจนหอม ให้เนื้อสัมผัสนุ่มและสุกแบบพอดี สามารถใช้มีดตัดผ่านเนื้อได้อย่างง่ายดาย มองเห็นความชุ่มฉ่ำของเนื้อวัวที่ผ่านการปรุงอย่างใส่ใจ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงอย่างมันบดและเห็ดย่าง ส่วนอีกเมนูที่เชฟตั้งใจทำไว้สำหรับคนชอบรับประทานเนื้อเป็ดโดยเฉพาะ Pan seared duck breast with polenta and roasted carrot and blueberry honey reduction อกเป็ดที่ย่างเพื่อให้หนังกรอบ แต่ยังคงรักษาเนื้อเป็ดให้นุ่มและสุกน่ารับประทาน รับประทานคู่กับโพเลนต้าสีเหลืองนวลที่ทำจากเมล็ดข้าวโพดบด พร้อมแต่งจานด้วยแครอทอบสีส้ม ราดด้วยซอสน้ำผึ้งและบลูเบอร์รี่รสชาติหวานอมเปรี้ยว ซึ่งเป็นเมนูที่มอบรสสัมผัสที่หลากหลายแต่ผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว โดยทั้ง 2 เมนูนั้นรับประทานคู่กับไวน์ เจค็อบส์ ครีก ดับเบิล บาร์เรล คาเบอร์เนต์ โซวิญอง (Jacob’s Creek Double Barrel Cabernet Sauvignon)
สำหรับคอร์สสุดท้าย เชฟทั้งสองคนได้เสิร์ฟไวน์ เจค็อบส์ ครีก ดอทส์ เชอร์รี่ เรด (Jacob’s Creek Dots Cherry Red) คู่กับเมนูของหวาน Black Forest St Honore เป็นเมนูสุดท้ายก่อนจบมื้ออาหารวันนี้ กับเค้กช็อกโกแลตรสชาติเข้มข้น หวาน มัน หอมกลิ่นช็อกโกแลตเกรดพรีเมียมท็อปด้วยมูสช็อกโกแลตแสนละมุนลิ้นและตัดเลี่ยนด้วยซอสเชอร์รี่รสเปรี้ยวอมหวานเพื่อเพิ่มความสดชื่น เป็นอีกหนึ่งรสชาติที่เชฟทั้งสองคนตั้งใจมอบให้ทุกคนร่วมลิ้มลอง พร้อมแชร์บทสนทนาดีๆ ไปด้วยกันระหว่างมื้ออาหารบนโต๊ะก่อนจะจบค่ำคืนที่น่าจดจำนี้สำหรับนักชิมและผู้ที่สนใจ สามารถไปลิ้มลองรสชาติอาหารทั้ง 4 คอร์สของเชฟทั้งสองคนได้ที่ร้าน Maison Bleue ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 นี้ ติดตามรายละเอียดกิจกรรม เจค็อบส์ ครีก ควอลิตี้ เวิร์ธ แชร์ริ่ง ครั้งต่อไปได้ที่ Line Official Account/ ID: @jacobscreekth\