SCB Chief Investment Office (CIO) วิเคราะห์ 3 ประเด็นหลักที่มีผลต่อแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก (Global Asset Allocation) ประกอบด้วย 1) COVID-19 สายพันธุ์ Delta ซึ่งสามารถติดได้ง่ายและทำให้วัคซีน COVID-19 บางประเภทมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนๆ ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มกลับมาสูงขึ้นในหลายประเทศ 2) การเปิดเมืองและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะมีความแตกต่างกันมากขึ้น (Uneven recovery) โดยประเทศที่มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนค่อนข้างมาก เช่น สหรัฐฯ และยุโรป น่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการกลับไปปิดเมืองแบบเข้มข้นได้ ในขณะที่กลุ่มประเทศที่มีความคืบหน้าไม่มาก เช่นในกลุ่มประเทศ Emerging Markets (EMs) มีความเสี่ยงเรื่องการปิดเมืองเข้มข้นสูงกว่าอย่างมีนัย และ 3) ความผันผวนสูงในตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นจากความกังวลผลกระทบ COVID-19 สายพันธุ์ Delta และประสิทธิภาพวัคซีนที่ลดลง รวมถึงความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการจัดการ internet platform/digitized economy ทำให้ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ภาครัฐ (regulatory risks) ในตลาดหุ้นจีนสูงขึ้นอย่างมีนัย
SCB CIO ประเมินว่า COVID-19 สายพันธุ์ Delta จะเป็นปัจจัยซ้ำเติมทำให้การเปิดเมืองและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีลักษณะที่ไม่ทั่วถึงในแต่ละประเทศและภาคธุรกิจ โดยในรายละเอียด COVID-19 สายพันธุ์ Delta ซึ่งสามารถติดได้ง่ายและทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มกลับมาสูงขึ้นในหลายประเทศ การเปิดเมืองและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคบริการมีแนวโน้มชะลอลง ประเทศที่มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนค่อนข้างมากเช่น สหรัฐฯ และยุโรป น่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการกลับไปปิดเมืองแบบเข้มข้นได้ ในขณะที่กลุ่มประเทศที่มีความคืบหน้าไม่มาก เช่น กลุ่มประเทศ EM มีความเสี่ยงเรื่องการปิดเมืองเข้มข้นสูงกว่าอย่างมีนัย
โดยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ เช่น GDP และเงินเฟ้อในไตรมาส 2/2021 แม้ฟื้นตัวต่อเนื่องแต่เริ่มมีสัญญาณต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจจากฝั่งยุโรปยังฟื้นตัวดีและออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ สำหรับความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการจัดการ internet platform/digitized economy ทำให้ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ภาครัฐ (regulatory risks) และความผันผวนในตลาดหุ้นจีนสูงขึ้นอย่างมีนัย และมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนจากทางการมากกว่านี้
สำหรับแนวโน้มตลาดการเงินโลก SCB CIO ประเมินว่า การกลายพันธุ์ของ COVID-19 นำมาซึ่งความผันผวนสูงในตลาด แต่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปยังคงแข็งแกร่ง ส่วนอัตราผลตอบแทนแท้จริงของ US treasury ยังอยู่ในระดับต่ำแม้เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณ QE tapering จาก Fed โดยความผันผวนสูงในตลาดมีแนวโน้มดำเนินต่อไปจากความกังวลผลกระทบ COVID-19 สายพันธุ์ Delta และประสิทธิภาพวัคซีนบางประเภทที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ และยุโรปยังคงเติบโตต่อเนื่องและดีกว่าคาด ในระยะข้างหน้า แม้จะได้รับผลกระทบของการกลับมาระบาดของสายพันธุ์ Delta บ้างแต่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ และยุโรปน่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทฯในประเทศ EMs ที่มีการปิดเมืองเข้มข้นกว่า
ความกังวลเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของ US treasury ยังอยู่ในระดับต่ำ และเมื่อเทียบกับการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่า ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนเเท้จริงของ US treasury ยังอยู่ในระดับติดลบ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าอัตราผลตอบแทนของ US treasury ในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจาก Fed น่าจะเริ่มมีการส่งสัญญาณ QE tapering ระหว่างการสัมมนา Jackson Hole (26-28 สิงหาคม) หรือ การประชุมของ Fed ในครั้งถัดไป (21-22 กันยายน) และทำการลดการเข้าซื้อจริงในช่วงต้นปี 2022 ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ตลาดการเงินโลกมีความผันผวนสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ทั้งในช่วงก่อนและหลังประกาศปรับลด QE ในขณะที่ ตลาดกลุ่ม EMs ได้รับผลกระทบจากการไหลออกของเงินทุน และการอ่อนค่าของค่าเงิน โดยเฉพาะประเทศที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและมีหนี้ต่างประเทศสูง
สำหรับกลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก (Asset Allocation Portfolio Strategy) SCB CIO ยังคงมีมุมมองบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป โดยปรับมุมมองตลาดหุ้นจีนและไทยลงเป็น Neutral พร้อมทั้ง ปรับมุมมองต่อทองคำเป็น Neutral เช่นกัน
- SCB CIO มองว่า ในภาวะตลาดผันผวนจะมีโอกาสดีในการเข้ามาสะสมหุ้นสหรัฐฯและยุโรปที่ยังมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องและน่าจะได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองค่อนข้างจำกัด เรายังคงมุมมองตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ Neutral จากการฟื้นตัวที่ช้ากว่าตลาด Developed Markets (DMs) อื่น
- SCB CIO ปรับมุมมองหุ้นจีนลงเป็น Neutral จากความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ภาครัฐ (Regulatory risk) ที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง โดยเน้นตลาด A-share ซึ่งน่าจะมีความเสี่ยงด้านนี้น้อยกว่า เนื่องจาก มีหุ้นในกลุ่ม internet platform/digitized economy น้อยกว่าในตลาดหุ้น H-share
- ในตลาดหุ้น ASEAN เรายังคงชอบเวียดนามที่สุดจาก valuation ที่ยังคงถูกที่สุด ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ยังแข็งแกร่ง และความคืบหน้าในการนำเข้าวัคซีนที่ค่อนข้างดี เราปรับมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยลงเป็น Neutral จากความยืดเยื้อของการระบาด COVID-19 และการใช้มาตรการปิดเมือง รวมถึงสภาวะ technical recession ในอุปสงค์ภายในประเทศของภาคเอกชน (private domestic demand) ที่จะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในระยะข้างหน้ามีความเสี่ยงด้านต่ำมากขึ้น
- ด้วยอัตราผลตอบแทนแท้จริงของ US treasury ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ความผันผวนในตลาดหุ้นสูงขึ้น รวมถึงราคาทองคำที่ปรับลดลงล่าสุด เราปรับมุมมองต่อทองคำเป็น Neutral และปรับน้ำมันลงเป็น Slightly Negative จากปัจจัยอุปสงค์ที่น่าจะได้รับแรงกดดันจากการเปิดเมืองที่ช้ากว่าคาด รวมถึงความตึงตัวน้อยลงของปัจจัยอุปทานน้ำมัน
- SCB CIO มีมุมมองต่อ DMs และ Asian REITs เป็น Neutral จากผลกระทบของ COVID-19 สายพันธุ์ Delta และความเสี่ยงการเปิดเมืองที่ล่าช้ากว่าคาด
ในรายละเอียดท่านสามารถติดตามรายงาน Economics and Portfolio Strategy (EPS) ประจำเดือนสิงหาคม 2021 ของทาง SCB Chief Investment Office (CIO) ได้ที่ https://bit.ly/3m6uYrR
ทีมงานผู้จัดทำ SCB CIO Economics and Portfolio Strategy ดร.กําพล อดิเรกสมบัติ เกษรี อายุตตะกะ ดร.ธนพล ศรีธัญพงศ์ จตุรภัทร ทนาบุตร กฤติน พงศ์ศิริถาวร