ในเวลาเพียง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในธุรกิจการประกันสุขภาพ โดยได้ขยายสัดส่วนการตลาดของประกันสุขภาพ คิดเป็น 2.3% จากส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งหมด (ไม่รวมประกันชีวิต) ทั้งนี้ ด้วยกลยุทธการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้สามารถรองรับการทำงานแบบดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ และการวางกลยุทธ์ใหม่เพื่อรุกตลาดประกันสุขภาพ
บริษัท เคเอสเค ประกันภัย ก่อตั้งโดยบริษัท เคเอสเค กรุ๊ป ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา บริษัทได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ซันเดย์ อินส์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีและการเงินที่ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งบริษัท ซันเดย์ อินส์ โฮลดิ้ง นี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นในซันเดย์ บริษัทอินชัวร์เทคแนวหน้าของประเทศไทยอีกด้วย โดยบริษัท ซันเดย์ อินส์ โฮลดิ้ง สามารถดึงนักลงทุนชั้นนำระดับโลกและนักลงทุนชั้นนำภายในประเทศมาเสริมความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) บริษัทโฮลดิ้งคอมพานี ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท LINE Ventures ซึ่งเป็นหน่วยงานลงทุนภายใต้บริษัท LINE Corporation (ภายหลังได้ควบรวมกิจการกับบริษัท Yahoo ประเทศญี่ปุ่นเป็นบริษัท Z Venture Capital)
ตามรายงานของสมาคมประกันวินาศภัยไทย (TGIA) บริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน มีผลการดำเนินงานทางธุรกิจของปี พ.ศ. 2563 ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเบี้ยประกันภัยรับโดยรวมเติบโตขึ้น 90% ถือเป็นการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในปี เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดการประกันวินาศภัย ตอบรับความต้องการของตลาดที่มีความต้องการการประกันสุขภาพแบบดิจิทัลและบริการด้านสุขภาพทางแบบเสมือนจริง (Virtual) มากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2561 บริษัทได้กำหนดนโยบายในการบริหารงานใหม่ทั้งหมด เพื่อให้รองรับ Ecosystem ของการดูแลสุขภาพ เช่น ระบบการประกันสุขภาพรายกลุ่มและรายเดี่ยว ระบบการประกันภัยรถยนต์แบบรายเดี่ยวและสำหรับองค์กร โดยบริษัทสามารถสร้างความแตกต่างในตลาดทำให้เกิดการขยายสัดส่วนทางการตลาดเป็นไปอย่างรวดเร็ว การจัดทำระบบการเคลมแบบ Cashless การนำเทคโนโลยีวิเคราะห์อาการป่วยมาใช้ การจัดตั้งบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Teleconsultation) บริการจัดส่งยาตามใบสั่งยาจากแพทย์ นอกจากนี้บริษัทยังพัฒนาระบบที่ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบ และจัดการข้อมูลการเคลมได้อีกด้วย ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้เพราะบริษัทมีการผลักดันนโยบายการทำงานร่วมกับบริษัท InsurTech โดยบริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) เป็นเพียงไม่กี่บริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการทำงานร่วมกับบริษัท InsurTechs และนำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการด้านประกันภัย อาทิ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI / Machine learning) มาคำนวณความเสี่ยง และการสร้าง Microservices ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการรับประกันภัย โดยกลยุทธ์การทำงานร่วมกับ บริษัท InsurTechs นี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยดึงดูดให้นักลงทุนชั้นนำให้เข้ามาร่วมลงทุน ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และยั่งยืน
โดยบริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) ได้วางแผนกลยุทธ์และมองหาบริษัท InsurTechs ที่สนใจเข้ามาร่วมพัฒนาดิจิทัลโซลูชัน การให้บริการสุขภาพและบริการเกี่ยวกับการคมนาคมเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดประกันสุขภาพอย่างน้อย 15% ภายใน 5 ปี โดยบริษัท เคเอสเค ประกันภัย จะมุ่งเน้นกลยุทธ์เพื่อให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการได้ตามความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง ที่มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ (Urban diseases) รวมถึงการให้บริการที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตแบบ New normal โดยบริษัทได้มุ่งเป้าไปยังได้มีลูกค้าทั้งองค์กรชั้นนำในประเทศ และต่างประเทศจากหลากหลายอุตสาหกรรมรวมถึงภาคธุรกิจ SMEs ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่ากลยุทธ์การให้บริการประกันภัยที่สู้กันด้วยราคาอย่างเดียวจะไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอีกต่อไป แต่ต้องเป็นการที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพที่ราบรื่นกว่าเดิม และการให้บริการแบบ Cashless ผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในทุกรูปแบบของการประกันภัย
“เราได้กำหนดแนวคิดการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์องค์กรแบบดิจิทัลเป็นวาระการประชุมสูงสุดของบริษัท และเราได้ทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มตั้งแต่ระดับผู้บริหาร ที่จะต้องทำหน้าที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลงไปสู่ระดับผู้ปฏิบัติงาน เนื่องจากเราได้เห็นพฤติกรรมและความเสี่ยงที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคหลังเกิดการระบาดอย่างหนักของไวรัส COVID-19 โดยเราได้ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในวงการประกันภัย ที่สามารถตอบรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ โดยใช้เทคโนโลยีและระบบข้อมูลที่สามารถช่วยเหลือผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง เราคาดการณ์ว่าในอนาคตคู่แข่งในตลาดไม่ว่าจะเป็นระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับโลก จะต้องมุ่งเน้นทำธุรกิจที่ลงลึกมากขึ้นในเรื่องต่างๆ เช่น การให้บริการด้านสุขภาพและการคมนาคมขนส่ง โดยเราเชื่อว่า เคเอสเค อยู่ในตำแหน่งที่สามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดการขยายธุรกิจได้ในยุคดิจิทัลนี้ โดยไม่ไปแย่งส่วนแบ่งทางตลาดกับบริการประกันภัยแบบเดิมที่เราให้บริการอยู่ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นในกลยุทธ์ของเรา แม้ว่าประเทศไทยจะเผชิญกับปัญหาประชากรสูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้น (Aging population) แต่เราเชื่อว่าผู้บริโภคยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และเราพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงวงการประกันภัยให้ไปสู่การให้บริการแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ” เจซ แธม กรรมการบริหารและผู้อำนวยการแผนกสินไหม บริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน กล่าว
โดยก่อนหน้าปี 2561 นั้น บริษัท เคเอสเค กรุ๊ป จากประเทศมาเลเซีย เป็นผู้ถือหุ้นแต่เพียงผู้เดียวและรายได้หลักของบริษัทมาจากเบี้ยประกันรถยนต์เหมือนกับบริษัทประกันวินาศภัยอื่นๆ แต่หลังจากปี 2561 เป็นต้นมา บริษัทได้ขยายทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ดึงดูดผู้ถือหุ้นรายใหญ่ระดับโลกเข้าร่วมทุน เช่น Vertex Ventures SEA and India บริษัทลงทุนในเครือ Temasek Holdings ของสิงคโปร์ บริษัท Quona Capital, บริษัท LINE Ventures, บริษัท SCB 10X และ บริษัท OSK-SBI Private Equity Ventures เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นผู้รับประกันภัยดิจิทัลอย่างแท้จริง นอกจากนี้ บริษัทยังมีการขยายกลุ่มบริษัทในเครือในระดับภูมิภาคให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยกลุ่มบริษัทเหล่านี้ประกอบไปด้วยบริษัทเกี่ยวกับข้อมูลและเทคโนโลยี บริษัทประกันภัยและนายหน้า และบริษัทผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
“ในฐานะที่เราเป็นนักลงทุนที่มองหาบริษัทที่สามารถสร้าง Impact ให้แก่วงการ Fintech และผู้ลงทุนในบริษัท ซันเดย์ อินส์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท เคเอสเค ประกันภัย และซันเดย์ บริษัทอินชัวร์เทคชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์การทำธุรกิจประกันภัยและการให้บริการด้านสุขภาพแบบดิจิทัลจะเป็นก้าวสำคัญที่จะพลิกโฉมหน้าวงการประกันภัยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการการประกันสุขภาพแก่ผู้บริโภค นอกจากนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับทั้งสองบริษัทในอนาคต เพื่อช่วยผลักดันการให้บริการแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบสำหรับธุรกิจประกันภัยต่อไป” นางมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด กล่าว