ภาพรวมมูลค่าธุรกิจค้าปลีกในปี 2565 จะกลับมาขยายตัวอยู่ที่ราวที่ 11%YOY เป็น 3.45 ล้านล้านบาทจากการผ่
- ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ตามความเชื่อมั่นในการใช้จ่
ายและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ ทยอยฟื้นตัว โดยมีปัจจัยด้านบวกจากการกลั บมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ มากขึ้นจากการผ่อนคลายการควบคุ มโรคและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิ จของภาครัฐ ประกอบกับ การมี pent-up demand ของกลุ่มที่มีกำลังซื้อ รวมถึงการฟื้นตัวของรายได้ ภาคเกษตร อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยที่ต้องระมัดระวั งอย่างภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรื อนและการว่างงานที่จะส่งผลต่ อความเชื่อมั่นและกำลังซื้ อของผู้บริโภค - การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างค่
อยเป็นค่อยไปส่งผลให้ธุรกิจค้ าปลีกที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนั กท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวดีขึ้ น แต่ยังเป็นไปอย่างช้า ๆ แม้ภาครัฐจะลดมาตรการการเดิ นทางเข้าประเทศและเปิดให้นักท่ องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา แต่นโยบายการเปิดประเทศของจีนซึ่ งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักนั้ นคาดว่าจะเริ่มผ่อนคลายในช่วงต้ นปี 2566 - การขายสินค้าผ่านช่องทาง non-store ยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่
องตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ บริโภค โดยในปี 2565 คาดว่าการขายผ่านช่องทาง non-store จะยังเติบโตดีตามการขยายตั วของทั้งการขายออนไลน์ และการขายผ่าน TV ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น
การฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลี
- Grocery มีแนวโน้มฟื้นตัวและเติ
บโตโดดเด่นกว่ากลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นต่ อการบริโภค ประกอบกับผู้ประกอบการยั งคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่ อตอบสนองความต้องการของผู้บริ โภคให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น - Home & Garden ได้รับผลบวกจากเทรนด์การใช้
เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น แต่มีแนวโน้มได้รั บผลกระทบจากเงินเฟ้อค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีวัตถุ ดิบเป็นเหล็ก ซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้นส่งผลให้ ราคาของสินค้ากลุ่มดังกล่าวมี แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น นำไปสู่การชะลอตัวลงของอุปสงค์ - Department store เผชิญกับความท้าทายในการฟื้นตั
วเนื่องจากเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้ จ่ายในกลุ่มสินค้าไม่จำเป็น ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายยังไม่ฟื้ นตัวกลับมา อีกทั้ง ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ เป็นอีกหนึ่งกำลังซื้อที่สำคั ญยังไม่ฟื้นตัวในเวลาอันใกล้ - Health & Beauty โดยสินค้า Health ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การใส่
ใจด้านความสะอาดและดูแลสุ ขภาพมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าในหมวด Health หลายชนิดมียอดขายที่เติบโตอย่ างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน สินค้าหมวด Beauty อาจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่ อยไปจากการใช้เวลาที่บ้านมากขึ้ นจึงส่งผลให้ไม่มีความจำเป็นที่ จะใช้สินค้าในหมวดเพื่อความงาม - Apparel & Footwear การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่
อยไปของสินค้าแฟชั่นเป็ นผลจากการระมัดระวังการใช้จ่ ายสินค้าของผู้บริโภค แม้สถานการณ์ที่กลับสู่ภาวะปกติ จะช่วยให้ยอดขายฟื้นตัวดีขึ้นบ้ าง แต่เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้เป็ นสินค้าที่ไม่จำเป็น จึงอาจฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่นั กจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมี ความไม่แน่นอนสูง
3 เทรนด์ค้าปลีกสำคัญที่มี
- Seamless shopping experience ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้
ความสำคัญกับทุกช่องทางการจำหน่ ายและเข้าใจกลุ่มเป้ าหมายของตนเองมากขึ้น โดยสินค้าที่วางจำหน่ายควรอยู่ ในทุกช่องทางที่ผู้บริโภคต้ องการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้ างยอดขาย - Sustainability การให้ความสำคัญกับกระแสความยั่
งยืนที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้ นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ครอบคลุมทั้งประเด็นด้านสิ่ งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ไม่ว่าจะเป็นการลดใช้พลาสติก การควบคุมสต็อกเพื่อลดสินค้าเสี ยทิ้ง การอุดหนุนและช่วยพั ฒนากระบวนการผลิตของผู้ ประกอบการรายเล็ก - New business models รูปแบบของสินค้า/บริการใหม่ที่
ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อาทิ Subscription model หรือ Mystery box
EIC มองว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกอาจปรับกลยุ
- การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่
วยในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่ มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการนำมาใช้ ในการประมวลผลข้อมูลของผู้บริ โภคเพื่อการบริหารสต็อกสินค้ าและคาดการณ์ความต้องการสินค้ าในอนาคต หรือการจัดเก็บสินค้าด้วยระบบอั ตโนมัติเพื่อลดขั้นตอน นำไปสู่การจัดเก็บและการขนถ่ ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้ น - การออกแบบประสบการณ์การซื้อสิ
นค้าของผู้บริโภค ในปัจจุบันเทคโนโลยี AR/VR ถูกนำมาใช้แพร่หลายมากขึ้นในธุ รกิจค้าปลีก เช่น การทดลองสินค้า โดยผู้บริโภคสามารถทดลองสินค้ าได้โดยไม่จำเป็นต้องเดิ นทางไปหน้าร้าน หรือการจำลองหน้าร้านเสมือนจริ งบนโลกออนไลน์ที่ผู้บริ โภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้จริ ง นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยี AI ในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริ โภคเพื่อนำไปวิเคราะห์และต่ อยอดพัฒนาสินค้า/บริการในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องระมัดระวังในทุกขั้ นตอนเพื่อที่จะไม่สร้างความเสี ยหายให้กับผู้บริโภคซึ่งเป็นเจ้ าของข้อมูล - การสร้าง engagement กับผู้บริโภค ผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมี
เดียซึ่งเป็นช่องทางที่ได้รั บความนิยมในการสื่อสารกับผู้บริ โภค โดยผู้ประกอบการจะต้องมีความเข้ าใจในกลุ่มเป้าหมายของตนเพื่ อการเลือกรูปแบบคอนเทนท์ (บทความ รูปภาพ วิดีโอ ไลฟ์) และแพลตฟอร์มที่เหมาะสมเพื่อสื่ อสารและสร้างยอดขายอย่างมีประสิ ทธิภาพ