นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะให้ภาพแรงส่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงกว่าคาด จนตลาดปรับการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ หรือ Higher for Longer นั้น แต่ก็มีประเด็นที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากในระยะหลัง ได้แก่ นโยบายภาษีของสหรัฐฯ และยุโรปที่กีดกันอุตสาหกรรม Cleantech ของจีน ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และแผงโซลาร์ ซึ่งมองว่าจะส่งผลให้เกิดการย้ายฐานการผลิตในภูมิภาคยุโรป อาเซียน และอเมริกาใต้ ขณะที่ หากโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง กลยุทธ์ของจีนในการกระจายความเสี่ยงทางการค้า อย่างเช่น China+1 ที่ขยายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น  ๆ เพื่อเลี่ยงกำแพงภาษีทางการค้า ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบ ดังนั้น ไทยต้องจับกระแสประเด็นการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อภาคอุตสาหกรรมไทยปรับทิศทางได้ทัน
นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองเพิ่มเติมถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ว่า มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และการส่งออกที่ขยายตัวเป็นบวกมากขึ้นจากปัจจัยฐานต่ำในปี 2566  อย่างไรก็ตาม ประเด็นความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นข้างต้น การระบายสินค้าจากกำลังการผลิตส่วนเกินจากจีนมายังตลาดโลกรวมถึงไทย ในขณะที่ปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงมีผลให้ส่งออกไทยฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ โดยสรุปภาพรวมทั้งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะอยู่ที่ 2.6%
ด้านแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมไทยนั้นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ให้น้ำหนักกับ 3 ปัจจัยที่จะกระทบภาคอุตสาหกรรมในช่วงข้างหน้า ได้แก่ 1. ความไม่แน่นอนของการเบิกจ่ายภาครัฐ ที่จะกระทบอุตสาหกรรมก่อสร้าง 2. สินค้านำเข้าที่ไหลเข้าไทยเพิ่มขึ้น จากผลของสงครามการค้า ซึ่งจะกระทบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และเหล็ก 3. ต้นทุนทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งราคาน้ำมันดีเซลที่ภาครัฐทยอยลดการอุดหนุน และค่าแรงที่มีทิศทางสูงขึ้น จะกระทบต่อเอสเอ็มอีโดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้แรงงานเข้มข้น
ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ภาครัฐควรเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ กวดขันสินค้านำเข้าและสนับสนุนการใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local Content) รวมถึงเติมสภาพคล่องให้กับ SMEs และเน้นวางแผนการจัดการน้ำ ขณะเดียวกัน ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนจะต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกมิติ ทำให้รายได้เติบโตเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุน
———————————————————————————————————————————————————————
KResearch forecasts 2.6 percent growth for Thai economy in 2024, with growth gaining momentum in the latter half, driven by accelerated budget disbursement and stronger exports; close attention should be paid to trade protectionism risks.
Mr. Burin Adulwattana, Managing Director and Chief Economist, KASIKORN RESEARCH CENTER Co., Ltd. (KResearch), said, “US economic activity has recently shown a stronger-than-expected momentum. As a result, market forecasts have been adjusted, indicating that the Federal Reserve is unlikely to cut interest rates in the near future, adopting a ‘higher-for-longer’ stance. However, more pressing issues have emerged. Notably, tax policies implemented by the US and Europe have targeted China’s ‘cleantech’ industry, including electric vehicles (EVs), batteries, and solar panels. This development is expected to trigger a relocation of manufacturing bases to regions such as Europe, ASEAN, and South America. Meanwhile, the potential re-election of Donald Trump as US President could impact the “China+1 Strategy”, which encourages diversification of supply chain and manufacturing activities away from China to avoid these taxes. Given these circumstances, Thailand must keep up with these evolving trends to allow its industries to adapt promptly”.
Ms. Nattaporn Triratanasirikul, KResearch Deputy Managing Director, is of the view that the Thailand’s economic growth will gain momentum during the second half of 2024 in line with accelerated budget disbursements and stronger export growth, thanks to the low base of 2023. However, there are significant risks associated with rising trade protectionism as mentioned above, and the influx of goods from China due to its overcapacity into global and Thai markets, while Thailand’s structural problems and eroding competitiveness may cause Thai exports to recover less than expected. KResearch has therefore projected that the Thai economy in 2024 will grow by 2.6 percent.
Regarding the outlook for the Thai industrial sector, Ms. Kevalin Wangpichayasuk, KResearch Deputy Managing Director, highlights three factors that will impact industries in the near future: 1) Uncertainty in government budget disbursements, which will affect the construction industry; 2) Increased imports into Thailand as a result of the trade war, impacting the electronics, automobile, and steel industries; and 3) Higher business costs attributed to the gradual reduction of government subsidies for diesel prices, and rising labor costs which will particularly affect labor-intensive SMEs.
To address these immediate challenges, the government should expedite budget disbursements, strictly regulate imports, and promote the use of local content. Additionally, focus should be on liquidity support for SMEs, and water management planning. Meanwhile, all sectors must take collective action for major economic restructuring by enhancing efficiency in all dimensions, boosting income growth to outpace rising costs.