กรุงเทพฯ, — ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ตอกย้ำเส้นทางความสำเร็จสู่ “การธนาคารเพื่อความยั่งยืน” มุ่งเดินตามกรอบ B+ESG ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกัน ชูธงทุกกลยุทธ์และแนวทางดำเนินธุรกิจอยู่บนพื้นฐานของการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ชุมชนและสังคม พร้อมสนับสนุนให้ปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและกติกาใหม่ของโลก ด้วยองค์ความรู้และโซลูชันที่ตอบโจทย์
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ตลอดเวลา 3-4 ปี ที่ทีทีบีมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรเพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดี (Financial Well-being) ให้กับคนไทย โดยได้นำแนวทางการธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) เป็นรากฐานในการวางกลยุทธ์ทั่วทั้งองค์กร และให้ความสำคัญในการลงมือทำเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยั่งยืนไปในทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ของธนาคาร โดยวันนี้ความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป และเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้นเรื่อย ๆ “ทีทีบี ถือว่าเรื่องการสร้างความยั่งยืน หรือ Sustainability เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของธนาคาร ที่จะต้องให้การสนับสนุนลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมให้สามารถดำเนินชีวิตหรือธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลบรรษัทภิบาลที่ดี ซึ่งทุกคนคงคุ้นเคยกับคำว่า ESG อยู่แล้ว แต่สำหรับทีทีบีได้เพิ่ม B หรือ Business Sustainability ไปด้วย เพราะเชื่อว่าเรื่องของการดำเนินธุรกิจและความยั่งยืนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ทุกกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารจึงต้องอยู่บนพื้นฐานของการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนให้กับทุก Stakeholders ของเรา เห็นได้จากสิ่งที่เราทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน”
ตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจของทีทีบี ได้สร้างชีวิตทางการเงินที่ดีและแก้ปัญหาให้กับผู้คนอย่างแท้จริง โดยมี Financial Well-being Solutions ช่วยให้ลูกค้าบุคคลสามารถเดินหน้าต่อไปได้แม้ยามมีวิกฤต อาทิ มีบัญชี all free ที่มอบฟรีประกันอุบัติเหตุและชีวิตให้ลูกค้า ส่งเสริมให้ลูกค้าที่เป็นหนี้ลดภาระดอกเบี้ยสูงผ่านการรวบหนี้ (Debt Consolidation) และได้ทยอยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ๆ บนแอป ttb touch ที่จะช่วยสนับสนุนให้กลุ่มพนักงานเงินเดือนและคนมีรถจัดการเรื่องสำคัญของชีวิตได้อย่างครบวงจร ในมุมของลูกค้าธุรกิจ ทีทีบีเพิ่งเปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์ “รถโดนใจ” ที่รวบรวมรถมือสองคุณภาพดีมาไว้ให้ลูกค้าเลือก สามารถจัดไฟแนนซ์รถยนต์กับ ttb DRIVE ครบจบในที่เดียว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้ Ecosystem สำหรับคนมีรถ ช่วยสนับสนุนให้ลูกค้ากลุ่มเต็นท์รถมือสองสามารถก้าวทันกระแสดิจิทัล และปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจไปสู่ช่องทางออนไลน์อันเป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคในปัจจุบันใช้งาน เพื่อทำให้ธุรกิจของเต็นท์รถมือสองเติบโตได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบันมีดีลเลอร์มาร่วมเป็นพันธมิตรกับรถโดนใจแล้วราว 900 ราย
นอกจากนี้ สิ่งที่ธนาคารทำมาตลอดกว่า 10 ปี คือ การให้องค์ความรู้ที่สำคัญกับลูกค้าธุรกิจผ่านการจัดอบรมหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb ซึ่งทีทีบีก็ได้เริ่มนำหัวข้อ ESG เข้าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร โดยที่ผ่านมามีบริษัทเข้าร่วมกว่า 1,700 แห่ง และธนาคารยังจัดทำศูนย์กลางความรู้เชิงลึกที่มีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ ภายใต้ชื่อ finbiz by ttb บน website มีผู้เข้าชมกว่า 1 แสนคนต่อปี ทั้งมีการจัดงานสัมมนาให้ความรู้ในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเข้าร่วมงานกว่า 700 บริษัท
นายปิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในบทบาทการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) สิ่งที่ธนาคารสามารถทำได้และเป็นการสร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างเห็นผล คือ การสนับสนุนธุรกิจต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมผ่านโซลูชันทางการเงินที่ยั่งยืนและปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ โดยเป็นธนาคารแห่งแรกที่ออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเล มูลค่ารวมมากกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินทุนไปสนับสนุนลูกค้าธุรกิจผ่านสินเชื่อสีเขียวและสีฟ้า และปล่อยสินเชื่อสีเขียวไปแล้วมากกว่า 13,000 ล้านบาท ในปี 2565 และตั้งเป้าจะปล่อยเพิ่มอีกมากกว่า 9,000 ล้านบาทภายในปี 2566 โดยปัจจุบันธนาคารเป็นผู้นำตลาดด้านการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ EV ราว 6,500 ล้านบาท “ความยั่งยืนด้านสังคม” หรือ Social Sustainability เป็นอีกเรื่องที่ทีทีบีให้ความสำคัญ โดยมีโครงการปันบุญเป็นพื้นที่ช่วยมูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศลให้สามารถเข้าถึงฐานผู้บริจาคได้มากขึ้น ผ่านการรับบริจาคเงินบนโลกออนไลน์ สอดคล้องกับ Digital Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ และยังช่วยให้มูลนิธิบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างครบวงจร ทั้งด้านการรับบริจาคและงานเอกสารต่าง ๆ ของมูลนิธิได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของทีทีบี เพราะเป็นผลงานที่ถูกขับเคลื่อนภายใต้แกน Business และ Social ไปพร้อม ๆ กัน และปัจจุบันมีมูลนิธิที่ร่วมอยู่บนปันบุญมากกว่า 270 แห่ง ระดมเงินบริจาคไปแล้วมากกว่า 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีเรื่อง Corporate Social Responsibility (CSR) ที่ทีทีบีทำมาอย่างต่อเนื่องและจริงจังมาก โดยมุ่งเน้นการสอนจับปลาแทนการให้ปลา เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนด้านสังคมให้กับเยาวชนและชุมชนต่าง ๆ ซึ่งมีไฟ-ฟ้าเป็นโครงการหลักในการจุดประกายเยาวชนและชุมชนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยมีศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า 5 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อจุดประกายเยาวชนให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่ผ่านมามีเด็กเข้าร่วมโครงการมากกว่า 10,000 ราย และยังมีโครงการที่มีพนักงานทีทีบีทั่วประเทศเป็นอาสาสมัครเข้าไปช่วยจุดประกายชุมชนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น มากกว่า 200 โครงการ ด้วยการนำทักษะและความรู้ของพนักงานลงไปช่วยเหลือชุมชนรอบข้าง ทีทีบีได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในด้าน Corporate Governance & Business Ethics หรือ บรรษัทภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจ เห็นได้จากการมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและทีมงานที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่ช่วยชี้แนะและผลักดันให้มีนโยบายที่ถูกต้องและเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดทำให้ธนาคารได้รับรางวัล “การเงินที่เป็นธรรม” จาก Fair Finance Thailand คว้าอันดับหนึ่งด้วยคะแนนสูงสุดในกลุ่มธนาคารไทยด้าน ESG ถึง 4 ปีซ้อน และล่าสุดธนาคารได้รับการจัดอันดับที่ดีที่สุดด้าน ESG ในกลุ่มสถาบันการเงินในประเทศไทย และเป็นอันดับสองในระดับเอเชียสำหรับกลุ่ม (Mid/Small Cap) และกลุ่มประเทศเอเชีย (ไม่รวมจีนและญี่ปุ่น) จาก Institutional Investor’s 2023 Asia (ex-Japan) Executive Team จากการโหวตของนักวิเคราะห์ สะท้อนถึงความทุ่มเทและความจริงจังที่ธนาคารมุ่งเน้นเรื่อง ESG มาอย่างสม่ำเสมอ
พร้อมกันนี้ ทีทีบีได้จัดเสวนาพิเศษตอกย้ำให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของ ESG ในช่วงที่ 1 Empower Business towards Environmental Sustainability โดยมีนายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวถึงความสำคัญของ ESG ต่อภาคธุรกิจในอนาคตและการปรับตัวของผู้ประกอบการ และการสนับสนุนของธนาคารผ่านโซลูชันและองค์ความรู้ เพื่อให้ลูกค้าธุรกิจมีขีดความสามารถในการแข่งขันภายใต้บริบทของความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และนายยงยุทธ เสฎฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป พูดคุยถึงวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และการปรับตัวเพื่อก้าวสู่ความเป็น Blue Finance ของไทยยูเนี่ยนที่นำไปสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและการสนับสนุนของทีทีบี พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการเร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจและการทำงานให้สอดรับกับ ESG
ส่วนช่วงที่ 2 Empower Business towards Social Sustainability โดยนางกนกพร จูฑา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าธุรกรรมทางการเงินภายในประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต เล่าถึงจุดเริ่มต้นและความตั้งใจของธนาคารในการผลักดันโครงการปันบุญ แพลตฟอร์มที่ช่วยมูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศลบริหารจัดการแบบครบวงจร ทั้งด้านการเงิน การระดมทุน และการบริหารงานเอกสารต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน และนางศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวถึงความสำคัญและแนวทางการปรับตัวของมูลนิธิเพื่อก้าวทันกระแสดิจิทัลและพฤติกรรมผู้บริจาครุ่นใหม่ รวมถึงผลลัพธ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องด้านการระดมทุนของมูลนิธิจากการร่วมโครงการปันบุญ “เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจ และ ESG จะเป็นเรื่องที่ต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน เราไม่เพียงมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน แต่ยังมุ่งขยายขอบเขตและความยั่งยืนให้เกิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง และนี่คืออีกหนึ่ง Mission หรือ หน้าที่ของธนาคารที่ให้การสนับสนุนลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมของเราให้สามารถดำเนินชีวิตและธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายปิติ กล่าวสรุป