กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.40-30.80 จับตาสถานการณ์ไวรัสโคโรนา หวั่นกระทบเศรษฐกิจโลก
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.40-30.80 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 30.54 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1.3 พันล้านบาทแต่ซื้อพันธบัตร 6.4 พันล้านบาท ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับเงินยูโร ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลดลงและนักลงทุนเทขายหุ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนาหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วโลก ในเบื้องต้น องค์การอนามัยโลกระบุว่าการระบาดนี้ถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินในจีน โดยตลาดกังวลว่าหากยังไม่สามารถควบคุมได้จะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกซึ่งเพิ่งจะเริ่มมีสัญญาณเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ในวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยตามเดิม ส่วนการประชุมธนาคารอังกฤษ (บีโออี) วันที่ 30 ม.ค.อาจมีมติลดดอกเบี้ยลง
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ความเชื่อมโยงทางด้านสินค้าและบริการระหว่างไทยกับจีนสร้างความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในช่วงเทศกาลตรุษจีนต่อภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท ทำให้เราปรับมุมมองโดยประเมินว่ามีโอกาสมากขึ้นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่จุดต่ำสุดครั้งใหม่ในช่วงต้นปีนี้ หากสถานการณ์เลวร้ายลงต่อไป ทางด้านกระทรวงพาณิชย์เปิดเผย ว่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนธ.ค.กลับมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน โดยยอดส่งออกรวมในเดือนธ.ค. ลดลง 1.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.54% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สดใสกว่าที่ตลาดคาดไว้เล็กน้อย ทั้งนี้ ในปี 2562 มูลค่าส่งออกหดตัว 2.65% ส่วนการนำเข้าลดลง 4.66% และไทยเกินดุลการค้า 9.6 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี แม้การค้าระหว่างประเทศอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่การฟื้นตัวยังมีความไม่แน่นอนสูง และในระยะสั้น จุดสนใจหลักของตลาดการเงินโลกจะอยู่ที่การควบคุมสถานการณ์ไวรัสโคโรนาเป็นสำคัญ โดยสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียรวมถึงสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ หุ้น และน้ำมัน มีแนวโน้มเผชิญแรงขายจากความกังวลดังกล่าวในช่วงนี้