นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยถึงสถานการณ์ไข่ไก่ในขณะนี้ว่า จากกรณีที่มีผู้บริโภคบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงไข่ไก่ ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพดี มีราคาต่ำเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น และยังมีอายุจัดเก็บที่นานกว่า จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ของผู้บริโภคที่จะเลือกซื้อไปบริโภค โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ ที่ประชาชนบางส่วนมีการซื้อตุนเพิ่มจากช่วงก่อนหน้า เนื่องจากต้องทำงานที่บ้าน รวมถึงการแยกกักตัว ประกอบกับมีหลายหน่วยงานซื้อไข่ไก่ไปบริจาค ทำให้ปริมาณไข่ไก่มีไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน โดยสูงขึ้นจากการบริโภคปกติประมาณร้อยละ 10 และพบว่าขณะนี้มีพ่อค้าคนกลางบางส่วนใช้วิธีไปรับซื้อที่หน้าฟาร์มเกษตรกร โดยการให้ราคาสูงกว่าราคาประกาศเพื่อจูงใจเกษตรกร แล้วนำมาขายต่อในราคาที่แพงขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตส่วนหนึ่งหายไปจากช่องทางขายปกติ ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าของขาด
“ปัจจุบัน ไข่ไก่ที่ออกสู่ท้องตลาดมีประมาณ 40-41 ล้านฟองต่อวัน เป็นปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์ทั้งการ Work From Home การแยกกักตัวของกลุ่มเสี่ยง การซื้อไข่ไปบริจาค โดยเฉพาะการเข้าไปรับซื้อไข่ถึงหน้าฟาร์มของพ่อค้าคนกลางบางกลุ่ม ทำให้เกิดสถานการณ์ราคาปั่นป่วน สมาคมได้ขอให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ขายไข่กับคู่ค้าเดิมที่เป็นช่องทางขายปกติก่อน โดยไม่ขายให้กับคู่ค้าใหม่ หรือผู้ค้าจร ที่จะรวบรวมไข่ไปทำกำไรโดยบวกราคาสูงขึ้น เพื่อเป็นการตัดวงจรดังกล่าว สมาคมฯ ขอยืนยันว่าไข่ไก่ไม่ขาดแคลน และจะดูแลในส่วนของเกษตรกรผู้เลี้ยงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีปริมาณไข่ที่เพียงพอ และประชาชนไม่ต้องเป็นกังวล” นายมงคล กล่าว
นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ กล่าวด้วยว่า อธิบดีกรมปศุสัตว์ มีนโยบายการเพิ่มปริมาณไข่ไก่ โดยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงยืดอายุการเลี้ยงแม่ไก่ไข่ยืนกรง จากเดิมให้ปลดแม่ไก่ที่ 75 สัปดาห์ เป็น 80 สัปดาห์ โดยสมาคมฯ ได้เน้นย้ำกับสมาชิกให้ร่วมมือกับภาครัฐในการเดินหน้ามาตรการนี้ คาดว่าจะทำให้มีไข่เพิ่มขึ้นได้อีกวันละ 1 ล้านฟอง เป็นปริมาณไข่ไก่ออกสู่ท้องตลาด 42 ล้านฟองต่อวัน ภายในระยะเวลา 5 สัปดาห์ ซึ่งจะช่วยรองรับความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ได้อย่างแน่นอน