กฟผ. ร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จังหวัดเลย สนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ป้องกัน COVID-19 ให้โรงพยาบาล ดูแลประชาชนให้อยู่ดีมีสุข พร้อมพัฒนาระบบไฟฟ้าให้มั่นคง เพื่อจังหวัดเลยจะเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนอย่างยั่งยืน
นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย รับมอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับใช้ในโรงพยาบาลเลย โรงพยาบาลท่าลี่ และสาธารณสุขจังหวัดเลย จาก ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายสุทธิชัย จูประเสริฐพร รองผู้ว่าการบริหารและคณะ โดยได้รับเกียรติจากนายพัฒนา แสงศรีโรจน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมในพิธี ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564
นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า จังหวัดเลยมียุทธศาสตร์ที่จะทำให้จังหวัดเป็นเมืองน่าอยู่ เมืองแห่งการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน ภายใต้การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีสุขภาพที่แข็งแรง การยกระดับการบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชนจึงเป็นเรื่องที่ต้องตระหนักและดำเนินการอย่างจริงจัง ต้องขอขอบคุณ กฟผ. ที่ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลจังหวัดเลยในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดเลย ได้กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีโรงพยาบาลเลยเป็นสถานบริการสุขภาพที่ให้การรับรองการส่งต่อผู้ป่วยกลุ่มโรคต่าง ๆ จากโรงพยาบาลระดับอําเภอ และสถานบริการสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มามอบนี้ จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการใช้เฝ้าระวังและตรวจรักษาประชาชน
นอกจากนี้ ในเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้จังหวัดเลยเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว และเป็นเมืองแห่งการค้าและการลงทุนได้ในอนาคตอย่างยั่งยืน ความมั่นคงทางพลังงานถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญ กฟผ. ดูแลเรื่องการผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ทำให้จังหวัดเลยมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว และนักลงทุนในภาคการผลิตและบริการต่าง ๆ ในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งกำลังพัฒนาและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า จังหวัดเลย และ กฟผ. ดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจและประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนและการเติบโตของประเทศเป็นหลัก ในเรื่องการรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้าของจังหวัดเลยและพื้นที่ใกล้เคียงในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู และขอนแก่น เพื่อรองรับไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนไซยะบุรี ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยกำลังดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงท่าลี่ ซึ่งนำระบบ Gas insulated Substation หรือ GIS เป็นเทคโนโลยีสถานีไฟฟ้ารูปแบบใหม่เข้ามาใช้งาน ทำให้ระบบควบคุมและส่งจ่ายไฟฟ้ามีความปลอดภัยและทันสมัยมากขึ้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงและความเชื่อถือได้ของระบบส่งไฟฟ้าของจังหวัดเลยและภาคอีสาน ทำให้จังหวัดเลยเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว เมืองแห่งการค้าและการลงทุนได้อย่างยั่งยืนในอนาคต รองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งยังสามารถส่งต่อพลังงานไฟฟ้าที่เหลือเข้าสู่ระบบไฟฟ้าเพื่อส่งจ่ายไปยังภาคกลางได้อีกด้วย
ทั้งนี้ สำหรับอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มามอบในครั้งนี้ ประกอบด้วย ตู้เก็บสิ่งส่งตรวจความดันบวก จำนวน 5 ตู้ ตู้เก็บสิ่งส่งตรวจความดันลบ จำนวน 2 ตู้ หน้ากากชนิด KN 95 จำนวน 1,500 ชิ้น หน้ากากอนามัย จำนวน 400 กล่อง ถุงมือยาง จำนวน 120 กล่อง หมวกผ่าตัด จำนวน 5,000 ใบ ชุดกาวน์กันน้ำ จำนวน 1,200 ชุด เสากดเจลแอลกอฮอล์แบบเท้าเหยียบ จำนวน 55 ชุด เจลอนามัยน้ำใจ กฟผ. 460 ลิตร สเปรย์แอลกอฮอล์น้ำใจ กฟผ. 130 ลิตร และน้ำดื่มตรา “น้ำใจ กฟผ.” จำนวน 960 ขวด มียอดรวมทั้งสิ้น 11,717 ชิ้น และก่อนหน้านี้ในปี 2563 กฟผ. ได้สนับสนุนงบประมาณสำหรับโรงพยาบาล 100,000 บาท และตู้เก็บสิ่งส่งตรวจความดันลบ จำนวน 1 ตู้ ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย
ด้าน นพ.สมชาย ชมภูคำ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย ด้านเวชกรรมป้องกัน กล่าวว่า สิ่งของที่มอบนี้จะช่วยให้ประชาชนจังหวัดเลยได้มีเครื่องมือในการป้องกันและรักษาได้พร้อมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเลยมีวิถีชีวิตที่ปกติโดยเร็ว และยังสามารถช่วยประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย