ในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส เซี่ยงไฮ้ 2566 แซดทีอีได้จัดบูธในรูปแบบเกาะสีเขียวภายใต้ธีม “กรีน ฟอร์ ออล”แซดทีอีเชื่อมั่นว่าทางออกของปัญหาต้องอาศัยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และโซลูชันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของหน่วยข้อมูลแต่ละหน่วยอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นแซดทีอีมุ่งมั่นขยายแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและความก้าวหน้าของสังคม พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) (0763.HK/000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก นำเสนอนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย วิสัยทัศน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ รวมถึงความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายสีเขียว สู่สายตาผู้เข้าร่วมงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส เซี่ยงไฮ้ ประจำปี 2566 (MWC Shanghai 2023) ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการนานาชาติเซี่ยงไฮ้แห่งใหม่ (SNIEC) และในโอกาสนี้ แซดทีอีได้จัดบูธในรูปแบบเกาะสีเขียวภายใต้ธีม “กรีน ฟอร์ ออล” (Green for All)
การสร้างสังคมสีเขียวและคาร์บอนต่ำเป็นเป้าหมายระยะยาวที่ต้องอาศัยความทุ่มเทอย่างต่อเนื่อง เมื่อปริมาณข้อมูลในเครือข่ายเติบโตอย่างต่อเนื่อง การบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวก็ยิ่งมีความท้าทายมากขึ้น แซดทีอีเชื่อมั่นว่าทางออกของปัญหาต้องอาศัยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และโซลูชันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของหน่วยข้อมูลแต่ละหน่วยอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น แซดทีอีให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในระหว่างงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส เซี่ยงไฮ้ แซดทีอีได้จัดแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีเครือข่ายประหยัดพลังงานสีเขียว โดยในเครือข่าย Radio Access Network (RAN) นั้น โซลูชัน PowerPilot ของแซดทีอี ซึ่งขณะนี้อยู่ในเวอร์ชัน Pro ได้บรรลุความก้าวหน้าที่สำคัญ ด้วยการประหยัดพลังงานอย่างครอบคลุมถึง 35% นอกจากนี้ ในส่วนของเครือข่ายหลักนั้น แซดทีอีได้เปิดตัว User Plane Function (UPF) สีเขียวอัจฉริยะตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ใช้ R17 ส่งผลให้ประหยัดพลังงานถึง 25% ในช่วงที่มีการรับส่งข้อมูลต่ำ ขณะเดียวกัน แซดทีอียังสาธิตโซลูชันเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างครอบคลุมในเครือข่ายผู้ให้บริการ ซึ่งครอบคลุมถึงบอร์ด อุปกรณ์ และเครือข่ายต่าง ๆ นอกจากนี้ แซดทีอียังจัดแสดงเทคโนโลยีบอร์ดปรับอุณหภูมิคอมโพสิต VC ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ช่วยให้ทำความเย็นได้อย่างเห็นผลชัดเจน ซึ่งวัดได้ด้วยปืนวัดอุณหภูมิ ในด้านพลังงานโทรคมนาคมนั้น แซดทีอีได้เปิดตัวโซลูชันเครือข่ายพลังงานคาร์บอนเป็นศูนย์ V2.0 ที่ผสานรวมการจัดการบนคลาวด์สำหรับการผลิตไฟฟ้าสีเขียว การแปลงพลังงานประสิทธิภาพสูง การกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ และการใช้พลังงานที่แม่นยำ โซลูชันนี้ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานพลังงานทั้งหมด และบรรลุผลสำเร็จในการประหยัดพลังงาน การลดการปล่อยมลพิษ และการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างครอบคลุม ซึ่งมีส่วนสนับสนุนอนาคตที่ยั่งยืนและคาร์บอนต่ำ
ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการประหยัดพลังงานอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โซลูชันของแซดทีอีจึงได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันด้วยกลไกต่าง ๆ เช่น การแจ้งเตือนและการป้องกันการรับส่งข้อมูลติดขัด ฟีเจอร์เหล่านี้รับประกันประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น พร้อมกับสร้างเครือข่ายที่ไม่เพียงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานเท่านั้น แต่ยังเชื่อถือได้และมีความยืดหยุ่นอีกด้วย แซดทีอีรวมเอากลไกเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมกับการให้บริการเครือข่ายคุณภาพสูงแก่ผู้ใช้ แซดทีอีมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และกำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อปูทางไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล อีกทั้งยังมีส่วนสนับสนุนเป้าหมายระดับโลกในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยในปี 2565 แซดทีอีบรรลุผลลัพธ์ที่น่าทึ่งของเป้าหมายสีเขียวและคาร์บอนต่ำ โดยสามารถประหยัดพลังงานได้ 57.56 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนรวม 7.48% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ในงาน “แซดทีอี อินโนเวชัน เดย์” (ZTE Innovation Day) ซึ่งจัดขึ้นที่นครเซินเจิ้น แซดทีอีได้ประกาศเข้าร่วมโครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative หรือ SBTi) เพื่อกำหนดเป้าหมายการลดคาร์บอนตามหลักวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย แซดทีอีจะกำหนดเป้าหมายอิงหลักวิทยาศาสตร์ในระยะสั้นและเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในระยะยาว เพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามแนวทางการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายใน 5-10 ปี และบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างช้าที่สุดภายในปี 2593 ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบบูรณาการ แซดทีอีมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกิจกรรมเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม โดยแซดทีอีได้ร่วมมือกับมูลนิธิไชน่า กรีน คาร์บอน (China Green Carbon Foundation) เพื่อจัดตั้ง “กองทุนพิเศษเพื่อการอนุรักษ์ระบบนิเวศ” (ZTE Public Welfare Ecological Conservation Special Fund) และดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ในสวนป่าแม่น้ำไป๋หู่ (Baihu River Forest Farm) ภายใต้การดูแลของสำนักป่าไม้เขตถังหวังเหอ (Tangwanghe Forestry Bureau) ในเมืองอี้ชุน มณฑลเฮยหลงเจียง เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศในท้องถิ่น
นอกจากนี้ แซดทีอีได้เปิดตัวโครงการเพื่อการกุศล “ฟอร์เรสต์ คาร์บอน ซิงก์” (Forest Carbon Sink) เพื่อสนับสนุนการปลูกต้นไม้ด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด ความคิดริเริ่มนี้ได้รับการนำเสนอภายในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส เซี่ยงไฮ้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการอนุรักษ์ระบบนิเวศ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน คุณเฉิน จื้อผิง (Ms. Chen Zhiping) รองประธานของแซดทีอี และผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และการประชาสัมพันธ์ ได้เน้นย้ำถึงความสำเร็จที่โดดเด่นของแซดทีอีในการนำหลักปฏิบัติสีเขียวและคาร์บอนต่ำมาใช้ และ ณ สิ้นปี 2565 โซลูชันการประหยัดพลังงานเครือข่ายสีเขียวของแซดทีอีได้ถูกนำไปใช้ในเครือข่ายมากกว่า 30 เครือข่ายทั่วโลก ครอบคลุมไซต์งานกว่า 1.5 ล้านแห่ง และดาต้าเซ็นเตอร์รวม 250,000 ตู้ โซลูชันเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการทั่วโลกประหยัดไฟฟ้าได้ 1 หมื่นล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี
คุณเฉินเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของแซดทีอีต่อการวางตำแหน่งเป็น “ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล” โดยบริษัทมุ่งมั่นขยายแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและความก้าวหน้าของสังคม พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง อันซิง (Anxing) ทำให้แซดทีอีก้าวหน้าไปอีกขั้นในการยกระดับความโปร่งใสและความถูกต้องของข้อมูลควบคุมการผลิตพลังงาน ตลอดจนปรับปรุงการจัดการพลังงานขององค์กรให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ในภายภาคหน้า แซดทีอียังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ บริษัทจะสำรวจการใช้งานรูปแบบใหม่ ๆ และหลากหลายมากขึ้น ผ่านการร่วมมือกับบรรดาพันธมิตร เพื่อสร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อไป