บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าแผนปฏิบัติการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการลดใช้พลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารเป็นศูนย์ รวมทั้ง อนุรักษ์ ปกป้อง และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป่าชายเลน มุ่งสู่องค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำร่วมขับเคลื่อน “ทศวรรษแห่งการฟื้นฟูระบบนิเวศ”ตามเป้าหมายองค์การสหประชาชาติ
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการอนุรักษ์และฟื้นฟูสมดุลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้ปัจจัยท้าทายต่อธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทฯ ได้กำหนดแผนปฏิบัติการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 6 กลยุทธ์ มุ่งสู่ “องค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำ”
ประกอบด้วย 1. การเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต มีเป้าหมายลดปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่วยการผลิต 15% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2558 ภายในปี 2568 2. ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนของบริษัทฯคิดเป็น 26% ของการใช้พลังงานทั้งหมด 3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ผลิตภัณฑ์ MEAT ZERO นวัตกรรมเนื้อจากพืช ทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ นวัตกรรมอาหารสัตว์รักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
4. วางแผนระบบโลจิสติกส์อย่างมี
ประสิทธิภาพ 5. ลดการสูญเสี
ยอาหารและขยะอาหารในกระบวนการดำ
เนินธุรกิจของบริษัทฯเป็นศูนย์ ภายในปี 2573 และ 6. การแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็
นพื้นฐาน ด้วยการจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิ
ดชอบ เช่น ใช้วัตถุดิบข้าวโพดจากแหล่งผลิ
ตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จัดหาวัตถุดิบปลาป่นสำหรั
บการผลิตอาหารสัตว์น้ำทั้
งในประเทศและต่างประเทศที่จะต้
องมาจากแหล่งที่ถูกกฎหมาย และยึดมาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงที่
มาของวัตถุดิบได้ รวมทั้งการปกป้
องความหลากหลายทางชีวภาพผ่
านการดำเนินโครงการ อนุรักษ์ ปกป้อง ฟื้นฟู พื้นที่ที่ป่าต้นน้ำและป่
าชายเลน และเพิ่มพื้นที่สีเขี
ยวในสถานประกอบการ ซึ่งดำเนินการไปแล้วมากกว่า 10,000 ไร่
ซีพีเอฟ มุ่งมั่นบรรเทาผลกระทบและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยยึดเป้าหมายและดำเนินงานตามกลยุทธ์ความยั่งยืน พร้อมทั้งนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ ทำให้ในปี 2563 สามารถบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนแนวทางอนุรักษ์โลก อาทิ ดึงน้ำมาใช้ต่อหน่วยการผลิตลดลง 36% เทียบกับปีฐาน 2558 นำน้ำกลับมาใช้ใหม่หรือใช้ซ้ำคิดเป็น 42% ของการใช้น้ำทั้งหมด ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีคุณสมบัติสามารถใช้ซ้ำ หรือนำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ หรือย่อยสลายได้ 99.9 % รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 580,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนตลอดกระบวนการผลิต
“โลกกำลังเผชิญวิกฤตด้านสุขภาพครั้งใหญ่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมโลกเดินไปข้างหน้าช้าลง เราทุกคนจึงต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อฟื้นสมดุลทางธรรมชาติให้กลับคืนมา ซึ่งจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาวให้กับทุกชีวิตบนโลกนี้อย่างยั่งยืน” นายวุฒิชัย กล่าว
วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายนปีนี้ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) ได้กำหนดแนวทางรณรงค์สู่ “ทศวรรษแห่งการฟื้นฟูระบบนิเวศ” (The UN Decade of Ecosystem Restoration) รวมพลังทั่วโลกอนุรักษ์ปกป้อง และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรและเป็นบริษัทผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก มุ่งมั่นร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูระบบนิเวศ และขับเคลื่อนภารกิจสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน
Post Views: 286