ช่วงนี้ทุกคนน่าจะต้อง WORK FROM HOME กันยาว เพื่อป้องกันตัวเองและรอให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ดังนั้นเรื่องของความสวยความงามจึงอาจจะต้องดูแลตัวเองขั้นพื้นฐานกันไปก่อน ทั้งสกินแคร์ การทานอาหาร นอนหลับพักผ่อนและแบ่งเวลามาออกกำลังกาย ขณะเดียวกันก็สามารถใช้ช่วงเวลานี้ในการเตรียมความพร้อมและเก็บข้อมูล เพื่ออัปเดตนวัตกรรมและเคล็ดลับความงามที่จะทำให้ตัวเราพร้อมและไม่ต้องเสี่ยง รู้เท่าทันก่อนเข้ารับบริการเสริมความงามในอนาคต!
โดย เมิร์ซ เอสเธติกส์ ผู้นำนวัตกรรมความงามระดับโลก ก็ได้เรียนเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง รศ. นพ. วาสนภ วชิรมน สาขาวิชาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาร่วมพูดคุยในรายการ Woody FM พร้อมด้วย ดีเจนุ้ย – ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร ที่มาร่วมปรึกษาและแชร์ประสบการณ์ที่เสริมความงามจนเกือบเสี่ยงถึงชีวิต พร้อมเปิดเคล็ดลับเสริมความงามที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้หรือเข้าใจผิดกันอยู่ โดยตีแผ่ผ่าน 3 หัตถการความงามยอดนิยม อย่าง สารลดเลือนริ้วรอยโบทูไลนุ่ม ท็อกซิน สารเติมเต็มฟิลเลอร์ และเครื่องยกกระชับหน้าอัลเทอราปี
แต่ก่อนที่จะไปเปิดเคล็ดลับการเสริมความงามให้เป๊ะไม่โป๊ะ และไม่เสี่ยงกัน รศ. นพ. วาสนภ วชิรมน สาขาวิชาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องความงามและความมั่นใจไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า “สิ่งที่จะทำให้เราน่ามองและดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น และมนุษย์ทุกคนควรมี คือ “Confidence to be…” หรือ ความมั่นใจในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งความมั่นใจนี้ ไม่ได้เกิดจากความรู้ แต่เกิดจากความพร้อม ในที่นี้คือ ความพร้อมที่มาจากจิตใจ และต้องมีความพร้อมด้านร่างกายมาประกอบด้วย ซึ่งความพร้อมนี้แหละที่จะทำให้เราเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆและรับมือได้อย่างมั่นใจ และเมื่อเรามีความมั่นใจ ก็จะก่อให้เกิดเป็นรากฐานที่สร้างความมั่นใจในระดับต่อไปได้ดียิ่งขึ้น” ความพร้อมทางด้านจิตใจ อันนี้หลายคนอาจจะต้องใช้เวลา แต่ความพร้อมด้านร่างกายหรือหน้าตา สมัยนี้เขามีตัวเลือกให้หลากหลาย ไม่ว่าจะดูแลแบบเข้าคอร์สออกกำลังกาย บำรุงด้วยสกินแคร์ ทรีตเม้นท์ต่างๆ แต่ที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็วทันใจ คงหนีไม่พ้นหัตถการด้านนวัตกรรมเสริมความงาม แต่ถ้าใครที่ไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี หรือเข้ารับบริการกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญและคลินิกที่ไม่น่า เชื่อถือก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อร่างกายได้
สารลดเลือนริ้วรอย โบทูไลนุ่ม ท็อกซิน
เปิดมาตัวแรก ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี กับสารลดเลือนริ้วรอย “โบทูไลนุ่ม ท็อกซิน” หรือ “โบ” ซึ่งตัวนี้คุณหมอบอกเลยว่า เข้ามาเป็นที่รู้จักในไทยตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน และมีหลายยี่ห้อ หลายราคา เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคมากมาย แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้น ช่วงหลังมานี้หลายแบรนด์จึงแข่งขันกันด้วยราคาที่ถูกลง ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้โบในปริมาณที่มากขึ้นหรือบ่อยขึ้น และเมื่อเกิดการใช้สารโบทูไลนุ่ม ท็อกซินที่เยอะเกินความจำเป็น ประกอบกับส่วนประกอบหลักของโบจะมีโปรตีนผสมอยู่ ซึ่งร่างกายมักจะต่อต้าน และเมื่อต่อต้านมากขึ้นก็จะไม่ตอบสนองต่อการรักษา หรือก็คือ “ดื้อโบ” ทำให้หลายคนไม่สามารถที่จะใช้โบได้อีกสักพักใหญ่ๆ เพื่อให้หนุ่มๆสาวๆได้สวยหล่ออย่างต่อเนื่อง คุณหมอจึงแนะนำให้ Get the right start! คือเริ่มต้นอย่างถูกต้อง กับโบที่มีความบริสุทธิ์สูงหรือไม่มีสารโปรตีนที่จะทำให้ร่างกายเกิดการดื้อโบ และยังเป็นโมเลกุลที่เล็กจนร่างกายมองไม่เห็น สำหรับคนดื้อโบที่มาใช้ตัวนี้เท่านั้นจึงจะสามารถเห็นผลได้บ้าง แต่ถ้าให้ดีคือไม่ต้องรอดื้อโบ ควรใช้โบบริสุทธิ์ตั้งแต่แรก เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนานและต่อเนื่องอย่างที่เราต้องการ
สารเติมเต็มฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่สามารถใช้ได้กับทุกส่วนที่พร่องหรือต้องการการเติมเต็มบนใบหน้า แต่หากไม่ระวังหรือเลือกใช้สารฟิลเลอร์ที่ไม่ได้คุณภาพก็อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ เช่น มีลักษณะเป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติ เป็นต้น บางคนต้องไปใช้ยาสลายออก ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และยังมีบางรายที่อาการหนัก เพราะเจอฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถใช้ยาสลายได้ และจำเป็นต้องผ่าตัดขูดออก ซึ่งอันตรายมากหากบริเวณที่ใช้อยู่ใกล้กับจุดสำคัญ เช่น รอบดวงตา สำหรับข้อควรระวังในการใช้สารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ คือ ฟิลเลอร์เป็นสารหนืด ที่หากเข้าไปอยู่ในเส้นเลือดก็อาจก่อให้เกิดเส้นเลือดอุดตันและใบหน้าบริเวณนั้นก็อาจจะขาดเลือดได้ ดังนั้น บริเวณใบหน้าที่ควรหลีกเลี่ยงหรือมีความเสี่ยง และต้องใช้ความชำนาญของคุณหมอเป็นอย่างมาก ก็คือ บริเวณจมูกและช่วงระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นจุดที่มีเส้นเลือดใหญ่ ผู้ที่จะรับบริการจึงควรปรึกษาและเข้ารับบริการกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ คลินิกที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งตรวจสอบและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับสภาพผิว
อัลเทอราปี เป็นเครื่องยกกระชับหน้าที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ได้เปลี่ยนใบหน้าของตัวเรา แต่ทำให้เรามีผิวที่ยกกระชับและมั่นใจด้วยลุคที่ดูสดใสขึ้น โดยหลายคนมักจะตั้งคำถามว่าการทำอัลเทอราปีจะเจ็บมากไหม ซึ่งจุดนี้คุณหมอบอกเลยว่า ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์และการตั้งค่ากับการเลือกหัวเครื่องอัลเทอราปีเพื่อกำหนดความลึกที่จะใช้ให้เหมาะสมกับชั้นผิวของคนไข้ หากเลือกได้อย่างเหมาะสมก็จะทำให้ไม่เจ็บหรือเจ็บน้อยลง แถมคุณหมอยังเผยเคล็ดลับอีกว่า ควรทำอัลเทอราปีห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน เพราะเนื่องจากเครื่องอัลเทอราปีจะเป็นการส่งความร้อนจุดเล็กๆไปกระตุ้นเนื้อเยื่อในชั้นผิว ซึ่งในช่วงระหว่าง 6 เดือนหลังเข้ารับบริการ เนื้อเยื่อในชั้นผิวยังได้รับผลจากการกระตุ้นให้ยกกระชับอยู่ การทำครั้งถัดไปในหลัง 6 เดือนจึงจะได้รับประโยชน์และความคุ้มค่ามากกว่า
ด้าน ดีเจนุ้ย ก็ได้เผยประสบการณ์เสริมความงามสุดเสี่ยง ว่า “ช่วงแรกๆที่เริ่มเสริมความงามด้วยฟิลเลอร์ ตอนนั้นเข้าใจว่ายิ่งเติมเยอะยิ่งดี จนกระทั่งไปเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ด้วยความไม่รู้ก็คิดว่าจะเป็นหมอคนไหนทำก็ได้ แต่ผิดถนัด เพราะปรากฎว่าใต้ตาเป็นคลื่น ยิ่งเวลายิ้มยิ่งเห็นชัด สุดท้ายจึงต้องย้ายที่เพื่อไปใช้ยาสลายออก โชคดีมากๆที่ยังสลายออกได้ และเคยไปเติมฟิลเลอร์ตรงดั้งจมูกระหว่างตาเลย ซึ่งเป็นบริเวณที่เสี่ยงมาก แต่ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ และคาดว่าคุณหมอเองก็น่าจะเป็นยุคเก่าที่ยังไม่ทราบเหมือนกัน พอเราจะกลับไปให้หมอทำให้อีกครั้ง ปรากฎว่า ช่วงนั้นเริ่มมีข่าวพบเคสที่คนไข้ตาบอดหรือฟิลเลอร์ไหลเข้าตาเยอะมาก และสุดท้ายคุณหมอก็ไม่รับทำให้ ก็คือว่าเป็นโชคดีมากๆที่เรายังไม่เจอปัญหานั้น” ซึ่งจากประสบการณ์ของดีเจนุ้ย นับว่าโชคดีมากๆที่ยังไม่ร้ายแรงขนาดที่ต้องแก้ไขดวยการผ่าตัด หรือเกิดอันตรายต่อตัวเอง
นอกจากนี้คุณหมอยังส่งท้าย เพื่อตอกย้ำกับทุกคนอีกว่า “หากตัดสินใจที่จะทำหัตถการเสริมความงามแล้ว ต้องทำแล้วรู้สึกมั่นใจขึ้น ไม่ใช่ทำแล้วไม่ใช่เรา แต่ต้องเป็นตัวเราในแบบฉบับ “Confidence to be…” ที่สำคัญคือ คุณหมอและผลิตภัณฑ์ต้องน่าเชื่อถือ และต้องรักษาให้ตรงตามวัตถุประสงค์ เช่น ถ้าเราเกิดปัญหาจากการที่กล้ามเนื้อบีบ ก็ควรเลือกใช้โบบริสุทธิ์ไปแก้ไขด้วยการคลายกล้ามเนื้อ ไม่สามารถใช้เครื่องอัลเทอราปีได้ เนื่องจากเกิดจากความผิดปกติที่กล้ามเนื้อ หรือการที่โครงหน้ามีเนื้อที่พร่องไปหรือน้อยลงไป ก็ต้องไปใช้สารเติมเต็มฟิลเลอร์แทน จะใช้โบบริสุทธิ์ไม่ได้ เป็นต้น” เชื่อว่าหลายคนคงได้ความรู้ในการตัดสินใจและความพร้อมสำหรับการเสริมความงามแบบไม่เสี่ยงมากขึ้นแน่นอน