สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย 10 สถาบันการศึกษา จัดนิทรรศการ “คุณเสียหาย เพื่อนพร้อมชน” ณ ลานกิจกรรม Eden (ชั้น 3) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยภายในงานจะมีผลงานนวัตกรรมสื่อสร้างสรรค์ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคด้วยฝีมือคนรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “ค่ายพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารสำหรับคนรุ่นใหม่” โดยนักศึกษาจาก 10 สถาบันที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ นำเสนอการคุ้มครองผู้บริโภคใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ด้านการขนส่งและยานพาหนะ ด้านอาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และด้านบริการสุขภาพ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง รวมทั้งผลักดันให้เกิดแนวทางเชิงนโยบายในอนาคต
สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาผู้บริโภค กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “ค่ายพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารสำหรับคนรุ่นใหม่” เป็นการรวมพลังสร้างสรรค์จากกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่มาริเริ่มผลิตสื่อสะท้อนประเด็นปัญหาผู้บริโภคในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งทำให้เห็นว่าปัญหาเกี่ยวกับผู้บริโภคที่เกิดขึ้นทั่วประเทศนั้น แตกต่างกันออกไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่ แม้ว่าการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทยจะได้รับการยอมรับโดยมีการสถาปนาให้ วันที่ 30 เมษายน ของทุกปีถือว่าเป็นวันคุ้มครองผู้บริโภคไทย แต่ปัจจุบันปัญหาการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคกลับเพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งมีทั้งปัญหาโฆษณาเกินจริง เครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใส่สารอันตราย ค่ารักษาพยาบาลแพง ไปจนถึงเรื่องบริการสาธารณะต่าง ๆ เช่น ระบบขนส่งมวลชนที่มีบริการที่ไม่เอื้อต่อผู้บริโภค ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และมีราคาที่ไม่เป็นธรรม ในขณะที่ค่าไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูงสร้างภาระค่าใช้จ่ายต่อผู้บริโภค เป็นต้น
อีกตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นปัญหาผู้บริโภคได้อย่างเป็นรูปธรรม คือ ข้อมูลเรื่องร้องเรียนของสำนักงานสภาผู้บริโภคและเครือข่ายองค์กรสมาชิกทั่วประเทศ โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จนถึง เดือนมีนาคม 2566 มีเรื่องร้องเรียนถึง 22,834 เรื่อง อย่างไรก็ตาม สภาผู้บริโภคมองว่า วิธีการหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาผู้บริโภคได้อย่างได้ผลและมีประสิทธิภาพ คือการสร้างความรู้และภูมิคุ้มกันให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ และจำกลายเป็นกำลังหลักของประเทศในอนาคต และในช่วงปีที่ผ่านมา สภาผู้บริโภคได้มีโอกาสไปทำโครงการกับน้อง ๆ นักศึกษาและคณาจารย์จาก 10 สถาบันการศึกษา ซึ่งพบว่าทั้ง 10 สถาบันการศึกษา นิสิตนักศึกษาแทบทุกคนล้วนเคยมีปัญหาในฐานะผู้บริโภคทั้งสิ้น และในบางพื้นที่ก็ยังไม่มีองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคที่จะเป็นจุดรับเรื่องร้องเรียนปัญหา ดังนั้นโครงการนี้จึงทำให้คนในพื้นที่หรือตัวนักศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการช่วยกันคุ้มครองผู้บริโภคโดยเริ่มจากตนเองไปสู่เพื่อน สู่ครอบครัว และสังคมต่อไป ขณะเดียวกันทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยรังสิตก็ช่วยแนะนำเกี่ยวกับการสร้างสรรค์สื่อ ช่วยจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ จนกระทั่งได้ผลงานสื่อสร้างสรรค์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคกว่า 100 ชิ้น และส่วนหนึ่งได้คัดเลือกเพื่อนำมาจัดแสดงในนิทรรศการ “คุณเสียหาย เพื่อนพร้อมชน” ในครั้งนี้
“สภาผู้บริโภคคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานของน้อง ๆ นักศึกษาที่ได้รับการเผยแพร่ออกสู่สาธารณะจะสะท้อนให้สังคมไทยมองเห็นและตระหนักว่าปัญหาผู้บริโภคเป็นเรื่องใกล้ตัวและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนที่ได้รับชมสื่อเหล่านี้ ได้รู้สิทธิของตัวเองในฐานะผู้บริโภค และได้ทราบว่าเมื่อพบเจอปัญหาเกี่ยวกับผู้บริโภคต้องร้องเรียนที่หน่วยงานใด ซึ่งจะหนุนเสริมให้เขาลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง เพราะสภาผู้บริโภคเชื่อว่า ทุกเสียงของผู้บริโภคนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีได้ และขอขอบคุณพี่น้องภาคีเครือข่าย 10 สถาบันการศึกษา ที่ร่วมด้วยช่วยกันในการขับเคลื่อนโครงการนี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะการสนับสนุนให้เกิดความเข้มแข็งของผู้บริโภค เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญของสภาผู้บริโภค ดังนั้น การขยายฐานการคุ้มครองผู้บริโภคจากสภาผู้บริโภคสู่เยาวชน ภายใต้โครงการนี้จึงเป็นอีกก้าวหนึ่งของการขยายฐานการคุ้มครองผู้บริโภคสู่คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี” สารี กล่าวเพิ่มเติม
ดร.อรรถวิท อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะตัวแทน 10 สถาบันการศึกษา ได้แสดงความชื่นชมผลงานนิทรรศการของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “ค่ายพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารสำหรับคนรุ่นใหม่” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิผู้บริโภค ซึ่งโครงการนี้จะสามารถจุดประกายให้เยาวชนตระหนักถึงประเด็นปัญหาผู้บริโภคที่เกิดขึ้นพื้นที่ต่าง ๆ ได้ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเองและชุมชน โดยสะท้อนประเด็นปัญหาดังกล่าวผ่านนวัตกรรมการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ สภาผู้บริโภค และภาคีเครือข่าย 10 สถาบันการศึกษาสำหรับผลงานสร้างสรรค์ดังกล่าว และแสดงความเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นสาธารณะประโยชน์ได้อย่างแท้จริง และจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีขึ้นในอนาคตต่อไป