ในปัจจุบันมีอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสายอาชีพการบริการ สายอาชีพโลจิสติกส์ แม้กระทั่งอาชีพในสายธุรกิจ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคุณณัฐรักษ์ เจียมเชื่อม ศิษย์เก่าสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง Business Matching Assistant ว่าเขามีการทำงานอย่างไร มีอุปสรรคในการทำงานไหม และงานของเขาต้องทำอะไรบ้าง
ก่อนที่จะมาถึงวันนี้
คุณต้นไม้เล่าว่าก่อนที่จะมาทำงานตรงนี้ ได้ไปทำงานมาหลายที่ เหมือนเราลองเข้าไปดูว่าตัวเองชอบอะไรแบบไหน แต่จริงๆ ก็คือตั้งแต่เรียนจบไปไม่ได้ทำงานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นเลย จึงเริ่มหันกลับตั้งหลักใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็ทำตำแหน่งงาน Business Matching Assistant
บทบาท Business Matching Assistant
“หลายคนที่สงสัยว่างานของผมนั้นเป็นงานเกี่ยวกับอะไร ทำอย่างไร ต้องทำที่ไหน ทำไมต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ วันนี้ผมก็จะมาพูดถึงงานของผมให้ฟังนะครับ ก็คืองานของผมจะเหมือนเป็นการติดต่อประสานงานระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่น จะเน้นเกี่ยวกับ Business Matching และ SME ในสายการผลิต เพราะฉะนั้น ผมจะดีลงานกับทางกระทรวงอุตสาหกรรมเสียส่วนมาก นอกจากนี้ก็มีสมาคมต่างๆ เช่น หอการค้าไทย สมาคมที่เกี่ยวกับการแปรรูปอาหาร หรืออะไรต่างๆ ที่มันเฉพาะเจาะจงในแต่ละธุรกิจ Business Matching หรือการทำสัมมนาเพื่อ Support ผู้ประกอบการไทยหรือญี่ปุ่น ช่วงนี้ที่มีเปิดมาใหม่ก็คือการทำ Support Destiny Asian ครับ จะมีประเทศในอาเซียนเพิ่มขึ้นด้วย ในการทำงานที่ต้องประสานงานจะมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมจึงสำคัญมากครับ เพื่อให้การธุรกิจของทั้งสองประเทศร่วมงานกันได้อย่างราบรื่น เป็นไปได้ด้วยดี เราจึงต้องเป็นคนกลางที่จะสื่อสาร แก้ปัญหาให้เขา”
ความแตกต่างระหว่างไทยกับญี่ปุ่น
“ด้วยความแตกต่างทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม และมารยาทในการทำธุรกิจ องค์กรของเราจึงมีหน้าที่ดูแลความสะดวกสบายของทั้งสองฝั่งเพื่อให้การสื่อสารสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เหตุการณ์ที่เคยเจอ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องมารยาทในการทำธุรกิจ การสื่อสารที่ต่างฝ่ายคิดว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ หรือ การสื่อสารที่ผิดพลาดไป ผมก็จะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้เพื่อให้การทำธุรกิจนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่สิ่งทีเหมือนกันของทั้งสองฝ่ายก็คงจะเป็นเรื่องความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจครับ”
ประสบการณ์จากทำงาน
“บทบาทของตัวงานที่ผมทำ ขอเรียกว่าเป็นความโชคดีครับ เพราะผมต้องดีลกับผู้บริหารระดับสูงของในหลายๆ บริษัท มันทำให้เกิด Connection ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน ในการพูดคุยศึกษาข้อมูลแต่ละครั้ง ผมจะได้เรียนรู้วิธีคิด ประสบการณ์ในการทำงานจากท่านต่างๆ บางท่านก็จะใจดี มีคำแนะนำในการดีลงานดีๆ ถ่ายทอดเป็นประสบกาณณ์ให้ผมฟังด้วย ว่าเขาเคยเจออะไรมาบ้าง เคยดีลงานที่ไหนเป็นอย่างไรบ้าง ที่สำคัญจากการฟัง การเรียนรู้ มันทำให้ผมมีกระบวนการในการจัดการความคิดที่เฉียบขาดมากขึ้น ไม่ใช้อารมณ์ในการทำงาน แต่ใช้สติ และเรียนรู้ที่จะทำงานด้วยการฟัง และมีเหตุมีผลมากขึ้นครับ
“สมัยเรียนก็จะมีวิชาต่างๆ มากมาย รวมทั้งการเรียนรู้วัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นด้วย ไม่เพียงจากทฤษฎีเท่านั้น ก็ยังได้ฟังประสบการณ์จากอาจารย์ด้วย หลายๆ ท่านก็เรียนจบมาจากญี่ปุ่น และยังมีอีกหลายท่านที่เป็นอาจารย์จากญี่ปุ่นเลยครับ คำแนะนำที่คอยสอนว่า เมื่อทำงานเราจะเจออะไรบ้าง เราควรเตรียมความพร้อมด้านไหนไว้บ้าง จากที่ฟังเราก็ยังไม่ได้เก็บมาคิด แต่เมื่อต้องทำงานและมาเจอกับปัญหาจริงๆ ก็นึกถึงคำสอนของอาจารย์ครับ”
เรียนเอกญี่ปุ่น ที่ ม.รังสิต ที่นี่สอนประสบการณ์
“สำหรับน้องๆ ที่สนใจด้านภาษา ผมคงตอบไม่ได้ว่าภาษาไหนยากหรือง่ายกว่ากัน เพราะมันขึ้นอยู่กับการฝึกฝน หากเรายิ่งฝึกฝน ชั่วโมงบินของเราก็จะมีมากขึ้น สำหรับที่ ม.รังสิต บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น อาจารย์ผู้สอนเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย เราสามารถปรึกษากับอาจารย์ได้ อาจารย์พร้อมแนะนำและคอยช่วยเหลือ ยิ่งหากเราได้ทำกิจกรรมควบคู่กับการเรียนไปด้วย มันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีกับตัวเราเอง เมื่อมองย้อนมาชีวิตช่วงมหาวิทยาลัยเป็นช่วงชีวิตที่สนุกและสามารถหาประสบการณ์ได้ดีที่สุดเลยครับ”