นักศึกษาสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คว้าทุนรัฐบาลญี่ปุ่น “ทุนมง (มงบุคะงะคุโช – Monbukagakusho)” ประเภทนักศึกษาวิจัย ซึ่งทุนการศึกษานี้เป็นทุนที่ไม่ผูกมัด หรือมีสัญญาใดๆ และยังสนับสนุนค่าเดินทาง ค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายประจำเดือนให้แก่นักศึกษาทุน รวมทั้งยังมีสวัสดิการการรักษาพยาบาล และเงินช่วยเหลือด้านต่างๆ อีกด้วย
นายจิรวัฒน์ อารีย์พงษ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาภาษาญีปุ่น วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ตนเห็นโพสต์เกี่ยวกับการแข่งขันจากเพจสาขาวิชาฯ จึงได้ลองเขียน Proposal เชิงวิจัยส่งไปในหัวข้อเรื่อง ความสุขในการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น และได้รับการตอบรับกลับมา “รู้สึกดีใจครับ ที่จะได้ไปมีประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ จะได้ไปเรียนรู้สังคม วัฒนธรรมที่เราเคยได้แต่เรียนผ่านสื่อการสอน สำหรับผมแล้วความท้าท้ายกับการเดินทางไปเรียนในครั้งนี้ ผมตั้งใจจะลงวิชาเรียนเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น และไปเรียนรู้ประสบการณ์นอกห้องเรียนด้วยครับ การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ สังคมการเรียนมหาวิทยาลัย และผมอยากไปดูคอนเสิร์ตที่นั่นครับ ผมชอบฟังเพลง และอยากได้เข้าไปดูใน Live House เล่นสดสักครั้ง ส่วนตัวผมเองนั้นชื่นชอบภาษาญี่ปุ่น เข้ามาเรียนแบบไม่มีพื้นฐาน มาเริ่มเรียนตั้งแต่วิชาปรับพื้นฐาน ผมรู้ว่าเราต้องตั้งใจให้มากกว่าคนที่เขามีพื้นฐานเพื่อจะได้เรียนตามให้ทัน กว่าจะมาถึงตรงนี้ก็เป็นความภูมิใจที่ผมเองได้ทุ่มเทให้กับมัน นอกจากหาความรู้ใส่ตัวจากการดูนั่นฟังนี่แล้ว ก็ได้มีพูดคุยกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่นครับ นึ่จึงเป็นโอกาสที่ดีแล้วสำหรับผม ผมจะไปญี่ปุ่นและใช้โอกาสตรงนี้ให้สมกับที่ได้รับมาครับ”
นายปฐมพงษ์ แจ่มสว่าง (ไฟล์ท) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาภาษาญีปุ่น วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า เหตุผลที่เลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น เป็นเพราะผมมีไอดอลเป็นพี่คนหนึ่งครับ เขามักจะโพสต์ผ่านทางโซเชียลเกี่ยวกับการแข่งขันทักษะเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น และผมเองก็อยากเก่งแบบเขา จงได้สมัครเพื่อขอรับทุนมาเรียนสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่นที่ ม.รังสิต “ด้วยแรงกระตุ้นในหลายๆ อย่าง ผมก็อยากจะลองไปเรียนที่ญี่ปุ่นดูสักครั้ง จึงได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาต่างๆ ด้วยตัวผมเองก็ค่อนข้างจะจริงจัง ผมอ่านหนังสือ ท่องศัพท์ ทำความเข้าใจแกรมม่า และพยายามหาความรู้ต่างๆ ตลอดเวลา ทุ่มเทเวลาไปมากมายเลยครับ ครั้งนี้มีโอกาสผมก็ใช้ความพยายามที่ผมเคยทดลองสอบทุนต่างๆ มาปรับและประยุกต์ใช้ด้วย สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการสอบต่างๆ ที่เคยสอบมาก็จะเป็นเรื่องการสัมภาษณ์ แต่สำหรับทุนนี้จะเน้นเรื่องทัศนคติด้วยครับ การนำเสนอความคิดของเราออกมา หัวข้อและงานวิจัยของเราจะเป็นที่พึงพอใจไหม จะมีมหาวิทยาลัยไหนสนใจเราบ้างหรือเปล่า ค่อนข้างกดดันเลยครับ แต่ผลตอบรับที่ได้ทำให้ผมตื้นตัน และจะใส่ความพยายามลงไปให้มากขึ้นอีก ต่อจากนี้สิ่งที่ต้องปรับตัว การใช้ชีวิต ผมก็จะมองว่ามันเป็นโอกาส ผมวางแผนไว้หลายสิ่งเกี่ยวกับการเรียน และการได้ไปเปิดโลก เปิดมุมมองให้กับตัวเอง อยากไปศึกษาเรื่องฟุตบอลสไตล์ญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งมากขึ้นด้วยครับ เพราะผมมีอาชีพที่ผมสนใจอยู่ ดังนั้น ระยะเวล 1 ปีต่อจากนี้ เต็มที่ที่สุดครับ”