ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับโลกด้านโซลูชันโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับองค์กรและผู้บริโภค ประกาศเปิดตัวโซลูชันไอซีทีล่าสุดและแนวทางปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จในงานนิทรรศการ 3 ส่วน ได้แก่ “การเชื่อมต่อดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ”, “อุตสาหกรรมดิจิทัลที่หลากหลาย” และ “ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่ก้าวหน้า” ภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล” ในงานประชุม Mobile World Congress 2021 วันที่ 28 มิถุนายน ถึง 1 กรกฏาคม นอกจากนี้ ZTE ยังเป็นเจ้าภาพจัดงานนิทรรศการเสมือนจริงบนเว็บไซต์พิเศษของ MWC ที่จะเผยแพร่ในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะจัดแสดงงาน MWC ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้เยี่ยมชมในงานและผู้ชมออนไลน์ทั่วโลก
สร้างเครือข่ายดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย และชาญฉลาด ZTE ได้แสดงโซลูชัน 5G SA รุ่นใหม่ล่าสุดและเครือข่ายออปติกทั้งหมดในงาน MWC 2021 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างเครือข่ายดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย และชาญฉลาด
สำหรับเครือข่ายไร้สาย ZTE ช่วยให้ผู้ให้บริการดำเนินการปรับปรุงเครือข่ายให้ทันสมัยและพัฒนาโซลูชัน 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านไซต์ที่เรียบง่าย การแบ่งปันสเปกตรัมไดนามิก SuperDSS แบบสามโหมดที่ไม่เหมือนใครในอุตสาหกรรม ตลอดจนผลิตภัณฑ์ FDD Massive MIMO รุ่นใหม่ที่เปิดตัวภายในงาน ในขณะเดียวกัน ZTE ยังส่งมอบเครือข่าย 5G SA ที่เหนือชั้นให้กับผู้ให้บริการ โดยมีข้อได้เปรียบ 3 ประการ ได้แก่ ประสบการณ์ในการจัดส่งขนาดใหญ่แบบครบวงจรโดยเฉพาะ ชุดโซลูชันล้ำสมัย และความสามารถในการเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรม
สำหรับเครือข่ายแบบมีสาย ZTE ได้มอบประสบการณ์บรอดแบนด์ที่ยอดเยี่ยมผ่านเครือข่ายออปติกทั้งหมด และในด้านการเข้าถึงผ่านระบบนำแสง ZTE ได้ให้บริการ 1 ใน 4 ของสมาชิก FTTx ทั่วโลกด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ล้ำสมัย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบนำแสงทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ZTE มีการพัฒนาในแง่ของเครือข่ายรับส่งข้อมูลเชิงแสงอย่างต่อเนื่องผ่านนวัตกรรมเชิงเทคนิค 3 ทิศทาง ได้แก่ การอัปเกรดแบนด์วิดท์ การสร้างโทโพโลยีใหม่ และการยกระดับบริการ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ 1.2T แบบความยาวคลื่นเดี่ยวชิ้นแรกของอุตสาหกรรมสามารถบรรลุประสิทธิภาพการส่งสัญญาณสูงสุด
นอกจากนี้ ZTE ได้จัดหาโซลูชันเครือข่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนได้ โดยช่วยประหยัดการใช้พลังงานได้มากกว่า 1.3 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงในแต่ละปีสำหรับลูกค้าทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มการทำงานอัจฉริยะ AIVO 3.0 รุ่นล่าสุดยังรวมบิ๊กดาต้าและเทคโนโลยี AI เพื่อใช้งานเครือข่ายอัจฉริยะ ลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างมาก ขณะที่ในแง่ของความปลอดภัยทางไซเบอร์ ZTE ได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการความปลอดภัยแบบเปิด 3 แห่งทั่วโลก และผ่านการรับรองความปลอดภัยชั้นนำในอุตสาหกรรม เพื่อรับประกันความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของแต่ละเครือข่าย
ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลด้วยการบรรจบกันของไอซีที
นอกจากนั้นแล้ว ZTE ได้เปิดตัวโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ โซลูชันเครือข่ายส่วนตัว 5G ที่ปรับแต่งได้ และการรับส่งข้อความในยุค 5G ในงาน MWC ซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้ให้บริการในการเสริมสร้างศักยภาพของอุตสาหกรรมและบรรลุการเปลี่ยนแปลงจากผู้ให้บริการด้านการสื่อสารไปสู่ผู้ให้บริการดิจิทัล ในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ ZTE ได้ผสานรวมเอดจ์คลาวด์แบบกระจายเข้ากับเครือข่ายที่ให้บริการโดยเทคโนโลยีไอทีและซีที และได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมผ่านองค์ประกอบโมดูลที่ยืดหยุ่น
สำหรับเครือข่ายส่วนตัวขององค์กร ZTE มีชุดผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมที่สุด การปรับแต่ง SLA ที่แม่นยำ และการจัดส่งแบบครบวงจร ซึ่งอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการยกระดับอุตสาหกรรม และมอบโมเดลธุรกิจใหม่ให้กับผู้ให้บริการในการสำรวจตลาด ToB ในขณะเดียวกัน ZTE ซึ่งใช้แพลตฟอร์มการส่งข้อความรูปแบบใหม่ในยุค 5G ช่วยให้ผู้ให้บริการปรับปรุงอัตราการแปลงธุรกิจและประสิทธิภาพการบริการสำหรับอุตสาหกรรมแนวตั้ง โดยผู้ให้บริการจะสามารถควบคุมจุดเชื่อมต่อการรับส่งข้อมูลผ่านมือถือได้อีกครั้ง และเพิ่มรายได้จากตลาด ToB ด้วยการคิดค่าบริการที่หลากหลายในรูปแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) ในแง่ของแนวทางปฏิบัติในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ZTE ได้สร้างต้นแบบดิจิทัลคิวบ์
ZTE ใช้เทคโนโลยี “การผลิตอัจฉริยะ 5G+” เพื่อช่วยยกระดับดิจิทัลให้กับธุรกิจเคมีแบบดั้งเดิมในเมืองเซินฮั่ว นอกจากนี้ ZTE ยังสร้างมาตรฐานสำหรับการผลิตอัจฉริยะ 5G ในเมืองปินเจียง มณฑลหนานจิง โดยตระหนักถึงเทคโนโลยี 5G และระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิตทั้งหมด และต้นแบบจากเมืองปินเจียงได้ถูกจำลองขึ้นอย่างรวดเร็วในไทย โดย ZTE ร่วมมือกับ AIS และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการผลิตของไทยก้าวไปสู่การพัฒนาที่เป็นดิจิทัล อัจฉริยะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และปล่อยคาร์บอนระดับต่ำ ขณะเดียวกัน การแยกส่วนเครือข่าย E2E 5G ของ ZTE ไปพร้อมกันได้เสริมศักยภาพความต้องการเครือข่ายรูปแบบเฉพาะของบริษัทใน 5 มิติแนวตั้งที่แตกต่างกันที่ท่าเรือแอนต์เวิร์ป ในเบลเยียม และ ZTE ได้ให้บริการโซลูชันการแพทย์ทางไกล E2E 5G ซึ่งช่วยให้โรงพยาบาลในท้องถิ่นลดเวลาการติดต่อระหว่างแพทย์และผู้ป่วยระหว่างการระบาดใหญ่ในโคลอมเบีย สิ่งนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและลดเวลาวินิจฉัยได้ถึง 35%
ZTE ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการมากกว่า 90 ราย และพันธมิตรกว่า 500 รายทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน เพื่อดำเนินการสำรวจแนวทางใช้งาน 5G อย่างครอบคลุมในสาขาอุตสาหกรรมกว่า 15 แห่ง โดยรวบรวมกรณีการใช้งานเชิงนวัตกรรมของอุตสาหกรรมไว้เป็นจำนวนมาก
มอบชีวิตดิจิทัลที่มีสีสัน
เทคโนโลยีได้เติมเต็มชีวิตของเราอย่างมากในยุคดิจิทัล ซึ่งสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ต่อพ่วงอัจฉริยะ และบรอดแบนด์กิกะบิตสำหรับครอบครัว แพลตฟอร์มวิดีโอใหม่ และระบบนิเวศของ ZTE จะทำให้ชีวิตดิจิทัลของผู้คนและครอบครัวมีสีสันมากขึ้นในงาน MWC
ZTE สร้างประสบการณ์เครือข่ายบรอดแบนด์ในบ้านรูปแบบใหม่ ด้วย Wi-Fi 6 ที่เพิ่มขึ้นจาก 100M เป็นกิกะบิต เครือข่าย Mesh ซึ่งประกอบด้วย AP แบบ “1+N” สามารถขยายความครอบคลุม Wi-Fi และบรรลุความครอบคลุมกิกะบิตเต็มรูปแบบของเครือข่ายในบ้าน สำหรับโซลูชันใยแก้วนำแสงสำหรับทั้งบ้านนั้น สายเคเบิลเครือข่ายจะถูกแทนที่ด้วยเส้นใยแก้วนำแสง โดยเครือข่ายใยแก้วนำแสงจะใช้ระหว่างเกตเวย์และ AP ซึ่งจะแก้ไขคอขวดของการเพิ่มความเร็วเครือข่ายในบ้านได้หนึ่งขั้นตอน และยังช่วยให้การติดตั้งเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง แต่สามารถใช้บริการคุณภาพสูงได้เป็นเวลา 20 ปี
ทั้งนี้ เทอร์มินัล 5G สำหรับผู้บริโภคส่วนบุคคลและใช้ในครัวเรือนของ ZTE มีจำหน่ายแล้วในกว่า 30 ประเทศและภูมิภาคจนถึงปัจจุบัน โดยมียอดจัดส่งสะสมเทอร์มินัลในครัวเรือนมากกว่า 500 ล้านเครื่อง และบริษัทได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับเครือข่ายใยแก้วนำแสงครอบคลุมทั้งบ้าน ที่ช่วยเหลือการปรับใช้เครือข่ายออปติคัลในครัวเรือนทั้งหมดได้อย่างเต็มที่
นอกจากนั้น อุปกรณ์เทอร์มินัลระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมของ ZTE ยังได้จัดแสดงที่งาน MWC 2021 ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง ZTE Axon 30, ZTE S30 อันทันสมัย, ZTE Watch GT, ZTE LiveBuds และผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศอัจฉริยะอื่น ๆ ตลอดจน C-IoT สำหรับบุคคลและผลิตภัณฑ์เทอร์มินัลข้อมูลครอบครัว รวมถึง ZTE 5G Portable CPE MU5001 ส่วนบุคคล ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงแผนใหม่สำหรับสมาร์ทไลฟ์ 5G และในระหว่างงานดังกล่าว ZTE ยังได้เปิดตัว 5G Indoor CPE MC8020 รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ อันจะนำประสบการณ์เครือข่ายใหม่ให้ผู้ใช้ได้สัมผัส
ZTE รวมความสามารถและความเชี่ยวชาญของตนเข้ากับโทรศัพท์มือถือแบบดั้งเดิม บรอดแบนด์มือถือ โมดูลชิปเซ็ตเทอร์มินัล และผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเพื่อสร้าง “เทอร์มินัลขนาดใหญ่” สำหรับสร้างระบบนิเวศอัจฉริยะ “1+2+N” เต็มรูปแบบอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ZTE จะผสานรวมสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เทอร์มินัลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลครอบครัว และมุ่งเน้นไปที่ 4 สถานการณ์การใช้งานหลัก ซึ่งครอบคลุมด้านสุขภาพการกีฬา การเดินทางเพื่อธุรกิจ การเรียนที่บ้าน และความบันเทิงภาพและเสียง โดยอาศัยผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศอัจฉริยะ 5G ต่าง ๆ เพื่อทำให้ไลฟ์สไตล์อัจฉริยะ 5G เต็มรูปแบบเกิดขึ้นจริง
ประสบการณ์ภาพและเสียงที่พลาดไม่ได้ สำหรับนิทรรศการนี้ ZTE ได้นำเสนอประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ที่หลากหลาย
แขกรับเชิญทั้ง 7 คน นำโดยคุณสวี่ จื่อหยาง ซีอีโอ ZTE Corporation ขึ้นกล่าวปาฐกถาและการอภิปรายโต๊ะกลม 9 รายการ เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในหัวข้อที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น การผสมผสานระหว่างการแปลงเป็นดิจิทัลและความอัจฉริยะ, AI, XR, 6G และการต่อสู้กับโรคระบาดด้วยเทคโนโลยี นอกจากนี้ ZTE ยังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมออนไลน์หลัก 3 หัวข้อ ได้แก่ “การให้บริการเครือข่ายในช่วงโควิด 19”, “5G SA Prime” และ “การส่งข้อความในยุค 5G”
นอกจากนี้ ZTE ได้ร่วมกับกาชาดอิตาลีเปิดตัวเสื้อยืดอัจฉริยะ 5G ตัวแรกในโลกในงาน MWC 2021 โดยทั้งสองฝ่ายใช้เทคโนโลยีการสวมใส่ที่ปฏิวัติวงการ ผลิตเสื้อยืดตรวจสอบสุขภาพระยะไกลรูปแบบใหม่อย่าง “5G Smart T-shirt” ซึ่งเสื้อยืดรุ่นนี้จะสามารถตรวจจับตัวชี้วัดทางกายภาพและร่างกายที่เซ็นเซอร์สิ่งทอไม่เคยตรวจพบมาก่อน เช่น คลื่นไฟฟ้าหัวใจ “ของจริง” การวิเคราะห์การทำงานของระบบทางเดินหายใจและองค์ประกอบในเหงื่อ การออกแรงกล้ามเนื้อ อุณหภูมิร่างกาย และช่วยให้สื่อสารข้อมูลเหล่านี้ได้ผ่านการเชื่อมต่อ 5G ZTE อันรวดเร็วไปยังศูนย์สุขภาพและการควบคุม ตลอดจนผู้ใช้แต่ละราย