การประชุมการเงินเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือประจำปี 2566 (Northeast Asia Finance Conference 2023) เปิดฉากขึ้นเมื่อวันพุธที่นครเสิ่นหยาง เมืองเอกของมณฑลเหลียวหนิงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และตัวแทนธุรกิจจากสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดในอุตสาหกรรมการเงินและมาตรการส่งเสริมความร่วมมือทางการเงิน การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การเร่งสร้างศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาค และสร้างเสาหลักแห่งการเติบโตเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน” และได้มีการเผยแพร่ “ดัชนีสำหรับภาคส่วนหลักของศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาคในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน” พร้อมกับจัดกิจกรรมการคัดเลือก “นักการเงินแห่งเหลียวหนิงและเสิ่นหยาง” ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ยังมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น การส่งเสริมการลงทุน การออกกฎเกณฑ์ทางธุรกิจใหม่ การเปิดตัวโครงการวิจัยการเงินสีเขียว และอื่น ๆ
คุณหลิว จือเฉิง (Lyu Zhicheng) นายกเทศมนตรีนครเสิ่นหยาง กล่าวว่า นครเสิ่นหยางให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางการเงินในฐานะทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญมาโดยตลอด อีกทั้งยังพัฒนาตนเองให้เป็นศูนย์กลางการลงทุน การเงิน และนวัตกรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน รวมถึงเป็นศูนย์กลางการจัดสรรทรัพยากรทางการเงินของระเบียงเศรษฐกิจจีน-มองโกเลีย-รัสเซีย โดยมีเป้าหมายในการสร้างเสาหลักแห่งการเติบโตเพื่อฟื้นฟูภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
คุณจิง หรูเยว่ (Jing Ruyue) เลขาธิการใหญ่ของสำนักข่าวซินหัว กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และมีศักยภาพทางการตลาดที่กว้างไกล มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับความร่วมมือทางการเงินระดับภูมิภาคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมเสริมว่า การประชุมครั้งนี้จะสร้างสะพานเชื่อมใหม่สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินระดับภูมิภาคที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย และสร้างกลไกความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอ เป็นที่น่าสังเกตว่า ณ สิ้นปี 2565 สถาบันการเงินรวม 26 แห่งได้จดทะเบียนจัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค สถาบันเฉพาะทาง และศูนย์บริการในมณฑลเหลียวหนิง เพื่อให้บริการคุณภาพสูงและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเหลียวหนิงกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
การประชุมครั้งนี้ร่วมกันจัดโดยเทศบาลนครเสิ่นหยาง สำนักกำกับดูแลและบริหารการเงินมณฑลเหลียวหนิง สำนักข่าวซินหัวสาขาเหลียวหนิง และสำนักงานบริการข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจจีน (CEIS)
ลิงก์ข่าวต้นฉบับ: https://en.imsilkroad.com/p/334148.html