ทองหล่อ หนึ่งในทำเลศักยภาพบนถนนสุขุมวิทตอนกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งงาน ย่านกิน ดื่ม เที่ยว ไปจนถึงที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ ที่สำคัญคือมีทั้งถนนและรถไฟฟ้าเชื่อมต่อศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ หรือ CBD อย่างอโศก พระราม 9 ได้อย่างง่ายดาย จึงเรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมความสะดวกสบายในรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้อย่างครบครัน
ผลสำรวจจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC เผยว่าทำเลสุขุมวิทตอนกลางเป็น 1 ใน 5 ทำเลทองในกรุงเทพฯ ที่มีการปรับราคาคอนโดฯ ขึ้นสูงสุด โดยเพิ่มขึ้น 21.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ราคาปรับลดลง 12.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2561
ในปี 2562 ย่านนี้ยังมีผู้ประกอบการหลายรายเตรียมตัวเปิดโครงการใหม่ ในภาพรวมราคาที่ดินทองหล่อปรับขึ้น 15% ส่งผลต่อราคาคอนโดฯ เปิดขายใหม่ปรับขึ้น 10% สูงกว่าราคาขายเฉลี่ยในปี 2560 ที่ปรับขึ้น 8.2% ภาวะราคาที่ดินทองหล่อ บางแปลงซื้อขายสูงกว่า 2.86 ล้านบาท/ตารางวา แปลงที่ไม่สามารถทำตึกสูงได้ราคา 5-8 แสนบาท/ตารางวา ที่ดินติดถนนทำตึกสูงได้ย่านเอกมัยราคาขยับไปถึง 6 แสน-1 ล้านบาท/ตารางวา ปัจจุบันราคาที่ดินในย่านนี้เพิ่มสูงขึ้นถึง 200% จากช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โครงการที่พบส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมหรู High Rise ราคาเริ่มต้น 5-6 ล้านบาทขึ้นไปจนถึงหลายสิบล้านบาท ขึ้นอยู่กับการออกแบบห้องชุด สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และขนาดพื้นที่
สำหรับภาพรวมราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 200,000-250,000 บาท โดยราคากลาง (Median Asking Price) จากฐานข้อมูลของ DDproperty เว็บไซต์สื่อกลางซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย อยู่ที่ 164,491 บาทต่อตารางเมตร ดัชนีราคาปรับขึ้น 1.74% จากไตรมาสก่อนหน้า
โครงการแนวราบที่เปิดขายในย่านนี้เป็นกลุ่มลักซ์ชัวรีขึ้นไปเช่นเดียวกับคอนโดฯ โดยบ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้นที่ 40 ล้านบาทไปจนถึง 100 ล้านบาทก็มี ราคากลางอยู่ที่ 109,195 บาทต่อตารางเมตร ดัชนีราคาลดลงเล็กน้อย 2.94% จากไตรมาสก่อนหน้า
ด้านตลาดเช่าพบว่า ค่าเช่าบ้านเดี่ยวเริ่มต้นที่ 65,000-80,000 บาท/เดือน ส่วนทาวน์โฮมค่าเช่าเริ่มต้นที่ 50,000 บาท/เดือน ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบ 2-3 ชั้น โดยโครงการแนวราบให้เช่าย่านนี้ค่อนข้างพิเศษตรงที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้ามากนัก ด้านคอนโดฯ ค่าเช่าเริ่มต้นที่ 20,000-28,000 บาท/เดือน สำหรับห้อง Studio และ 25,000-45,000 บาท/เดือน สำหรับ 1 Bedroom ซึ่งทั้ง 2 ขนาดเป็นรูปแบบคอนโดฯ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
หากมองเรื่องการลงทุนไว้ ย่านนี้ก็ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีดีมานด์ที่มีกำลังซื้อสูงทั้งตลาดซื้อและตลาดเช่า ผลตอบแทนจากการเช่าหรือ Rental Yield เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6% ต่อปี ส่วนราคาขายมีการปรับขึ้นเรื่อย ๆ ราว 4-8% ต่อปี (Capital Gain) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพอย่างมาก
แม้ทองหล่อจะเป็นถนนที่มีความยาวเพียง 2.5 กม. และหลายคนมองว่าแทบจะไม่เหลือที่ดินแปลงใหญ่พอที่จะพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ขึ้นอีกในย่านนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าทำเลนี้ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อช่วงต้นปี 2562 บมจ. แชงกรี-ลา โฮเต็ล ได้มีการซื้อที่ดินขนาด 658 ตารางวาในย่านทองหล่อในมูลค่าที่สูงเป็นประวัติการณ์สำหรับการซื้อที่ดินเพื่อไปพัฒนาโรงแรม นั่นคือ ประมาณ 1.9 พันล้านบาท หรือราว 2.86 ล้านบาทต่อตารางวา*
รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดตัวในทำเลนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ คอนโดมิเนียม สูง 45 ชั้น ที่ราคาเฉลี่ยแตะ 290,000 บาท/ตารางเมตร หรือ เซจ ทองหล่อ ทาวน์โฮม 4 ชั้น รูปแบบซูเปอร์ลักซ์ชัวรี เปิดตัวด้วยราคาแรงถึง 28.9 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเหลือขายเพียงไม่กี่ยูนิต
และล่าสุดบริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ที่ร่วมทุนกับ ลิสต์ กรุ๊ป จากประเทศญี่ปุ่น เตรียมปักหมุดทำเลทองหล่อเปิด 2 โครงการ ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ได้แก่ โครงการวาลเด้น ทองหล่อ 8 คอนโดฯ ลักซ์ชัวรีโลว์ไรซ์ 8 ชั้น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 235,000-260,000 บาท/ตารางเมตร และโครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 13” คอนโดฯ ลักซ์ชัวรีโลว์ไรซ์ 8 ชั้น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 185,000-220,000 บาท/ตารางเมตร
ด้านโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่อย่างเดอะโมนูเม้นท์ ทองหล่อ ก็มีราคาเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยปัจจุบันราคาแตะ 350,000 บาท/ตารางเมตร จากราคาเปิดตัวประมาณ 300,000บาท/ตารางเมตร
ทองหล่อในปัจจุบันคือย่านสุดชิคที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงานที่ทันสมัย ร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งแฮงก์เอาท์ที่หลากหลาย แต่เชื่อหรือไม่ว่า ความเป็นมาของถนนเส้นนี้เมื่อย้อนกลับไปช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณนี้ถูกใช้เป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารญี่ปุ่น และนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ย่านนี้เป็นที่รู้จักอย่างดีในกลุ่มคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และในขณะเดียวกันทองหล่อยังเชื่อมระหว่างถนน 2 สายสำคัญ นั่นคือ ถนนสุขุมวิท และถนนเพชรบุรี แหล่งรวมความสะดวกสบายและแหล่งงานที่สำคัญของเมือง
ทั้งนี้ด้วยความที่ทองหล่อเป็นย่านที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นจึงมีแหล่งช้อปปิ้งสไตล์ญี่ปุ่นมาปักหมุดในทำเลนี้หลายแห่ง ได้แก่ ร้านดิสเคานท์สโตร์ชื่อดังจากญี่ปุ่น ดองกิโฮเต้ (Don Quijote) เข้ามาปักธงเปิดสาขาแรกแบบ 24 ชั่วโมง บริเวณ ซ.ทองหล่อ 10 ในชื่อ Donki Mall ทองหล่อ และแหล่งช้อปปิ้งใหม่ล่าสุดอย่างGinza Thonglor บนชั้นที่ 2-3 ของโรงแรมนิกโก้ กรุงเทพฯ ซึ่งมีทั้งร้านอาหาร, ร้านแบรนด์เนม, ร้านเสื้อผ้า, ร้านสปา และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านที่ชาวญี่ปุ่นมาเปิดเอง
ด้านการเดินทางที่สำคัญ ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทา เส้นทางวัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ วิ่งผ่านเส้นทางย่านทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการที่ภาครัฐพยายามผลักดันให้เกิด แต่ความยากอยู่ที่การเวนคืนที่ดินในแต่ละพื้นที่เหล่านี้ เพราะที่ดินแต่ละย่านที่รถไฟฟ้าสายนี้ผ่าน ล้วนเป็นที่ดินที่มีราคาสูงมาก โดยเฉพาะย่านทองหล่อ จึงเป็นเส้นทางที่ยังไม่มีความคืบหน้า
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทา หรือไม่มี ก็มีผลกับย่านทองหล่อไม่มากนัก เพราะย่านทองหล่อมีทั้งรถไฟฟ้า และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพียบพร้อมอยู่แล้ว
แต่ประเด็นที่น่าจับตามองในย่านทองหล่อมากที่สุด นั่นคือ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และความร้อนแรงของราคาที่ดินย่านนี้ อาจมีส่วนกดดันให้เจ้าของร้านรวงเก่าแก่ บ้านเรือนเก่า เปลี่ยนมือไปสู่การพัฒนาใหม่ ๆ ทั้งในรูปแบบโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านค้าสมัยใหม่ และคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์มากขึ้น
โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นแนวโน้มดังกล่าวมากขึ้น เช่นเดียวกับคนที่มีที่ดินเก่าเก็บในย่านนี้ เริ่มนำที่ดินออกมาปัดฝุ่น ทำโครงการเองบ้าง หรือเปิดให้เช่าบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการรีเทล เช่น ไลฟ์สไตล์มอลล์ คอมมูนิตี้มอลล์ ฯลฯ
การใช้ชีวิตในย่านทองหล่อน่าจะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่หลายคนชื่นชอบ และเหมาะกับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยที่ชื่นชอบวิถีคนเมือง รักความรวดเร็วและสะดวกสบาย แน่นอนว่าค่าครองชีพในย่านนี้จะสูงกว่าย่านอื่น ๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คุ้มค่าไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการบริการ การศึกษา การรักษาพยาบาล หรือแม้แต่งานยิบย่อยอย่างเช่นการส่งของ ทุกอย่างจะมีความพิถีพิถันมากกว่าปกติไปอีกระดับหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความเป็นคนพิเศษ