GPX เปิดเผยยอดจดทะเบียนปี 2561 ม.ค.-พ.ย.61 รวม 27,082 คัน รักษาอันดับ 3 แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ในไทยเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และกำลังเตรียมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีก 50 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายตลอดปี 2562
คุณไชยยศ ร่วมใจพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “GPX มีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2561 โดยตลาดในประเทศ เรามียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 27,082 คัน (ม.ค.-พ.ย.61) โดยส่วนมากเป็นรุ่นเรือธงของเรา คือรุ่น Demon 150 GR และกลุ่มคลาสสิค คือรุ่นในซีรีย์ Legend และพบว่าแนวโน้มลูกค้าค่อนข้างให้ความสนใจกับรถรุ่นที่เป็นสไตล์สปอร์ตมากขึ้น ทั้งที่เป็นสปอร์ตเรสซิ่ง และ สปอร์ตคลาสสิค เนื่องจากเน้นความคล่องตัว และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วนดีไซน์ และขนาดซีซี ก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ทำให้ตลอดปี 2561 มีรถรุ่น Demon 150GR ได้รับความนิยมสูงสุด ยอดจดทะเบียนอยู่ที่ 15,500 คัน ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของ GPX มีพฤติกรรมการขับขี่เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ทั้งนี้ยังใช้เพื่อเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้ๆ มากขึ้น รถที่มีขนาด 150-300 ซีซี จึงได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างมาก เนี่องจากเหมาะสมกับการใช้งานจริง และพบว่ามักจะมีกลุ่มสังคมออนไลน์ที่ใช้เพื่อรวมกลุ่มปรึกษา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ นัดพบ จัดกลุ่มเพื่อรวมตัวกัน อย่างงาน Gypsy Carnival Bangkok ที่ผ่านมา ก็ได้มีกลุ่มลูกค้าของ GPX มาร่วมงาน กว่า 200 คัน
จากนี้บริษัทเตรียมเจาะกลุ่มผู้เล่นรถสปอร์ตที่ชื่นชอบการตกแต่งในสไตล์โดดเด่นเป็นตัวเองต่อไป โดยการออกแบบเน้นเรื่องของรูปแบบตัวรถที่คล่องตัวมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบทั้งสไตล์และสมรรถนะรถที่เหนือชั้น และมีระดับแตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป บวกกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ล้ำกว่า สำหรับเครื่องยนต์เรามีแผนการพัฒนาในส่วนของระบบหัวฉีด และขนาดกำลังของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ทั้งนี้บริษัทเตรียมขยายกำลังการผลิตให้ตอบรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลังจากที่เราได้ขยายส่วนของโรงงานผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว
GPX เตรียมเพิ่มสัดส่วนการส่งออกรถมอเตอร์ไซค์เป็น 25% หลังจากที่บริษัทเริ่มทำการตลาดในกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ฮ่องกง เนปาล บังคลาเทศ และญี่ปุ่น ซึ่งพบว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเนื่องจากเรามีการออกแบบรถที่ทันสมัย ตรงใจผู้บริโภค อีกทั้งศักยภาพ สมรรถนะรถสูง แข็งแกร่ง ทนทาน โดยบริษัทยังเตรียมนำเอาเทคโนโลยีด้านการดีไซน์ GP-A20 โดยใช้เทคโนโลยี 3D มาเป็น Ai ช่วยในการวิเคราะห์แบบดีไซน์ ซึ่งระบบอัจฉริยะตัวนี้จะซิงค์กับฐานข้อมูลเพื่อให้ดีไซน์ตอบโจทย์กับหลักอากาศพลศาสตร์ Aerodynamics โดยกระบวน การที่กล่าวมานี้จะใช้กับการออกแบบรถรุ่นใหม่ที่จะเริ่มผลิตในช่วงปลายปี 2562 เป็นต้นไปอีกด้วย” คุณ ไชยยศ กล่าวปิดท้าย