กรุงเทพฯ – 5 กันยายน 2565 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จในปีที่สองของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ฉลองการผลิตรถยนต์คันที่ 10,000 จากโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ที่จังหวัดระยอง โดยรถยนต์คันที่ 10,000 คือ เจ้าสิงโตอารมณ์ดี All New HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น ULTRA ที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยและสมรรถนะโดดเด่น พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์การขับขี่หลากหลายรูปแบบ ตอกย้ำกระแสความร้อนแรงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและความมุ่งมั่นของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ที่พร้อมเดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของการใช้และการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบายภาครัฐและเติบโตเคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืน งานเฉลิมฉลองการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันที่ 10,000 จากสายการผลิตในประเทศไทย นำโดย มร. เกร็ก ลี รองประธานบริหาร ฝ่ายการผลิตในโรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน นายอำนาจ แสงจันทร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายผลิตรถยนต์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) โดยมี มร. ไมเคิล ฉง ผู้จัดการทั่วไป นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และคณะผู้บริหาร ร่วมแสดงความยินดี ณ โรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จังหวัดระยอง
มร. เกร็ก ลี รองประธานบริหาร ฝ่ายการผลิตในโรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากกับการส่งรถยนต์คันที่ 10,000 ออกจากสายการผลิตของโรงงานของเรา ด้วยความอุตสาหะ มุ่งมั่นทุ่มเทของพนักงานของเรา ทำให้เราสามารถผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพออกมาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ขับขี่ ความสำเร็จในครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ พยายามยกระดับคุณภาพการผลิตของเรา เพื่อส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน การเปิดโรงงานอัจฉริยะ Smart Factory ของเราสำหรับผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่จังหวัดระยองนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยแล้ว ยังเป็นการประกาศความพร้อมสำหรับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดอาเซียนอีกด้วย เราได้นำนวัตกรรมของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มาใช้ในการผลิต การขนส่งโลจิสติกส์ และการปฏิบัติการเชิงดิจิทัล พร้อมทั้งเพิ่มอัตราการจ้างงาน พัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและส่งเสริมความเข้าใจด้านเทคโนโลยีที่เป็นส่วนสำคัญในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพให้กับชาวไทย ที่สำคัญ นับตั้งแต่การเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยอย่างเป็นทางการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ลงทุนในประเทศไปแล้วกว่า 12,000 ล้านบาท ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่ง และมีแผนที่จะลงทุนในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 22,600 ล้านบาท โดยเราจะยังคงเดินหน้าวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์และปรัชญาการทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน สำรวจโอกาสและความเป็นไปได้ในการสร้างโมเดลใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อมและลดปริมาณคาร์บอน พร้อมทั้งวางแผนที่จะดำเนินกิจการและลงทุนในธุรกิจผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนภายในประเทศ 100% ตลอดจนสร้างห่วงโซ่ของระบบนิเวศยานยนต์ โรงงาน และการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการขยายศักยภาพของบุคลากรตลอดจนกำลังการผลิตของโรงงานแห่งนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียนและกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับนักลงทุนจากทั่วโลกในท้ายที่สุด”
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การสนับสนุนจากแฟนๆ ที่มอบให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มาโดยตลอดนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เป็นพลังสำคัญที่หล่อเลี้ยงและช่วยให้เราเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพตลอดจนประสบการณ์เหนือระดับรูปแบบใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง วันนี้ โรงงานอัจฉริยะของเราที่จังหวัดระยองซึ่งเป็นฐานการผลิตเต็มรูปแบบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากโรงงานในประเทศจีน ได้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันที่10,000 ซึ่งพร้อมจะออกไปโลดแล่นบนท้องถนนอย่างเต็มภาคภูมิเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่การเป็นสังคมรถยนต์พลังงานใหม่ในอนาคต ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้บริโภค แต่ยังเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่จะตอบแทนแฟนๆ ชาวไทยด้วยการทำงานอย่างเต็มที่ตลอดกระบวนการผลิตและส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทุกๆ รุ่นและทุกๆ คันทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ตอกย้ำกลยุทธ์ New Energy, New Intelligence และ New Experience ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะผู้นำที่จะสานต่อภารกิจในการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับระบบนิเวศยานยนต์พลังงานไฟฟ้าควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป”
ทั้งนี้ โรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) เป็นฐานการผลิตอัจฉริยะเต็มรูปแบบแห่งที่สอง นอกประเทศจีนของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งอยู่ที่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ครอบคลุมพื้นที่ 412 ไร่ มีศักยภาพการผลิตแบบเต็มกำลังอยู่ที่ 80,000 คันต่อปี และจะเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวาโดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) ของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งบริษัทฯ ได้วางสัดส่วนของการผลิตและส่งออกอยู่ที่ 60:40 กล่าวคือเป็นการจำหน่ายภายในประเทศ 60% และเป็นการส่งออก 40% โดยในปัจจุบันโรงงานแห่งนี้สามารถผลิตรถยนต์ 2 รุ่นจากแบรนด์ HAVAL ได้แก่ All New HAVAL H6 Hybrid SUV และ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV และยังมีแผนที่จะผลิตรุ่นอื่นๆ อีกในอนาคต
สำหรับ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV รถยนต์คันที่ 10,000 ที่ออกจากสายการผลิตนั้น เป็นรถยนต์รุ่นที่สองที่ผลิตที่โรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) และเป็นรถยนต์รุ่นที่สามที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอันโฉบเฉี่ยวสะท้อนถึงสุนทรียภาพแห่งอนาคต มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ ผสานกับการออกแบบภายในแบบ 360 องศา ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และอัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและครบครัน All New HAVAL JOLION Hybrid ยังขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5L ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า ให้แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร มาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ DHT และเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว อีกทั้งยังสร้างขึ้นบน GWM LEMON PLATFORM แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจริยะ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่สนุกสนาน โดยตั้งแต่เปิดตัวในปลายเดือนพฤศจิกายนในปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ส่งมอบเจ้าสิงโตอารมณ์ดีออกไปโลดแล่นอยู่บนท้องถนนของประเทศไทยแล้วกว่า 2,533 คัน
ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Intelligent Technology) เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง พร้อมให้ความสำคัญกับการจ้างงานและเตรียมความพร้อมให้กับชาวไทย ควบคู่ไปกันการสร้างความร่วมมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อเดินหน้าสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน