Sportster® S เป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตที่ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อมอบประสบการณ์แห่งการขับขี่อันดุดัน พร้อมเป็นก้าวแรกของยุคใหม่แห่งรถมอเตอร์ไซค์ตระกูลสปอร์ตสเตอร์ ด้วยเครื่องยนต์ V-Twin สองลูกสูบ Revolution® Max 1250T พร้อมกำลัง 121 แรงม้า เพื่อตอบโจทย์ให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางสู่อิสรภาพได้อย่างเต็มกำลัง รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S มาพร้อมกับโครงรถที่เบาและแข็งแรง รวมไปถึงช่วงล่างชั้นยอดที่สามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จะกี่แยก หรือกี่ทางโค้ง รถมอเตอร์ไซค์ Sportster® S จากฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ก็พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อนิยามรถมอเตอร์ไซค์ที่ทนทานที่สุดของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน โดยท่านสามารถรับชมวิดีโอเปิดตัวแบบเสมือนจริงได้
เพื่อเติมคอลเลคชั่นรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2021 ให้ครบถ้วน Sportster® S รุ่นใหม่จากฮาร์ลีย์-เดวิดสันนี้ พร้อมส่งถึงตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ในราคา 709,000 บาท ซึ่งฮาร์ลีย์-เดวิดสันได้เปิดให้ผู้หลงไหลในอิสรภาพ ได้จองรถมอเตอร์ไซค์ Sportster® S แล้ววันนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน
“Sportster® S คือรถมอเตอร์ไซค์รุ่นล่าสุดที่พัฒนาขึ้นใหม่หมด โดยสร้างขึ้นบนพื้นฐานของเครื่องยนต์ Revolution Max สุดแกร่ง นอกจากนี้ยังสร้างมาตรฐานสมรรถนะใหม่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ตระกูลสปอร์ตสเตอร์อีกด้วย” โจเชน ซีดส์ ประธานคณะกรรมการบริหาร ผู้อำนวยการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กล่าว “นี่คือสปอร์ตสเตอร์แห่งยุค ที่เปี่ยมด้วยพลัง สมรรถนะ เทคโนโลยี และสไตล์ รถมอเตอรไซค์รุ่นนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราที่ต้องการสร้างสรรค์รถมอเตอร์ไซค์ที่ดึงดูดความต้องการเพื่อสานต่อตำนานของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน”
เมื่อสไตล์สื่อถึงสมรรถนะ
รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S นี้มีสไตล์ที่ดุดันและทรงพลัง ถังน้ำมันและส่วนท้ายรถถูกประกบเข้ากับเครื่องยนต์ เพื่อให้แก่นกลางของตัวรถมีความน่าดึงดูด ยางหน้าขนาดใหญ่แบบไร้บังโคลนนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์สไตล์บ็อบเบอร์สุดคลาสสิก ในขณะเดียวกัน ณ ส่วนท้ายของรถ ท่อไอเสียที่มีการยกสูง และที่นั่งเดี่ยวแบบบาง นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากรถมอเตอร์ไซค์แข่งรุ่น XR750 ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ตะเกียบหน้าแบบหัวกลับและยางขนาดใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่านี่คือรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสมรรถนะสูง
“ทุก ๆ ดีไซน์และการออกแบบของ Sportster® S นั้นแสดงให้เห็นถึงพลังแบบดิบ ๆ ของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้” แบรด ริชาร์ดส์ รองประธานฝ่ายรูปแบบและการออกแบบของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กล่าว “มันคือมอเตอไซค์ดีไซน์ดุดันดุจดังหมาป่า”
ระบบส่งกำลังที่โดดเด่นด้วยพื้นผิวแบบ Chocolate Satin บนฝาครอบเครื่องยนต์แมกนีเซียมน้ำหนักเบา ซึ่งทั้ง สี สัมผัส พื้นผิว และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีเพื่อทำให้รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S มีลักษณะของรถดัดแปลงที่สามารถอวดโฉมได้แม้จะจอดไว้เฉย ๆ ในโรงจอดรถ
สมรรถนะอันล้นเหลือ
เครื่องยนต์ Revolution Max 1250T ขนาด 1,250 ซีซี คือหัวใจของรถรุ่น Sportster® S เครื่องยนต์ V-Twin พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำรุ่นใหม่ล่าสุดของฮาร์ลีย์-เดวิดสันนี้ ได้รับการปรับแต่งให้มีแรงบิดมหาศาลที่ความเร็วรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองต่อการเร่งได้ดีตั้งแต่การออกตัวอย่างทรงพลัง ไปจนถึงย่านความเร็วระดับกลาง เครื่องยนต์ของรถคันนี้อยู่ในตำแหน่งกลางโครงรถเพื่อลดน้ำหนักโดยรวมของรถมอเตอร์ไซค์ลงให้เหลือน้อยที่สุด โดยการใช้วัสดุน้ำหนักเบา เพื่อช่วยให้เกิดอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าที่สูง Sportster® S นี้ยังมาพร้อมกับถังน้ำมันขนาด 11.8 ลิตร โดยเมื่อเติมน้ำมันเต็มถังแล้ว รถจะมีน้ำหนักเพียงแค่ 228 กิโลกรัมเท่านั้น ท่อไอเสียแบบสองหนึ่งสอง (2-into-1-into-2) ที่ถูกติดตั้งไว้ในตำแหน่งสูงนี้ ได้รับการออกแบบเพื่อให้เกิดเสียงสุดเข้มความถี่ต่ำโดนใจ
เทคโนโลยีเพื่อการขับขี่สุดล้ำ
รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S ได้รวมเทคโนโลยีแห่งอนาคตมากมายที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ที่ได้รับการตั้งค่าจากโรงงานสามรูปแบบ อันได้แก่ Sport Road และ Rain ที่คุณเลือกใช้ได้ตามใจชอบ โดยโหมดเหล่านี้ถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อควบคุมลักษณะการวิ่งของรถและเทคโนโลยีควบคุมรถต่าง ๆ นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังสามารถตั้งโหมดการขับขี่เองได้ถึงสองรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์การขับขี่ของคุณ หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะต่าง ๆ นอกจากนี้ ฟีเจอร์เด่นอย่าง Cornering Rider Safety Enhancements ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ซึ่งอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่แม้ในสถานการณ์คับขัน หรือในสภาพถนนที่อันตราย ระบบความปลอดภัยแห่งยุคนี้ ได้รับการออกแบบเพื่อปรับสมรรถนะของรถมอเตอร์ไซค์ให้ล้อสามารถเกาะถนนได้ดีในขณะเร่งเครื่อง เบาเครื่อง ไปจนถึงหยุดรถ ไม่ว่าจะบนทางตรง หรือทางโค้ง
จอภาพกลมแบบ TFT ขนาด 4.0 นิ้ว สำหรับแสดงการทำงานทุก ๆ ส่วนของรถ และรองรับการใช้งานอินโฟเทนเมนต์จากโทรศัพท์มือถือและชุดอุปกรณ์ในหมวกนิรภัยผ่านระบบบลูทูธของผู้ขับขี่ ซึ่งรองรับการเล่นเพลง และการรับสายเข้า-โทรออก นอกจากนี้ ระบบไฟของ Sportster® S นั้นเป็นหลอด LED ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงไฟหน้า Daymaker® Signature ที่ออกแบบมาให้ส่องแสงด้วยความสว่างเท่า ๆ กันในทุกบริเวณ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดจุดแสงจ้าซึ่งอาจทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ ไฟหน้ารูปทรงไข่แคปซูลอันเป็นเอกลักษณ์นี้ ช่วยเพิ่มสไตล์และความสวยงามให้แก่ส่วนหน้าของรถ จนใคร ๆ ที่ขับผ่านก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือรถมอเตอร์ไซค์ Sportster® S จากฮาร์ลีย์-เดวิดสัน
อีกระดับของโครงรถมอเตอร์ไซค์
เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ฮาร์ลีย์-เดวิดสันจึงออกแบบโครงรถใหม่หมด เพื่อทำให้โครงรถมีความแข็งแรงขึ้น และลดน้ำหนักโดยรวมของรถมอเตอร์ไซค์ลง ส่วนสวิง-อาร์มผลิตขึ้นจากท่อเหล็กกล้ามาพร้อมกับดีไซน์แข็งแรง และมีโครงรูปตัวเอ็กซ์ (X) เสริมความแกร่งให้กับโครงรถ รูปร่างของสวิงอาร์มอันเป็นเอกลักษณ์นี้ยังทำให้รถมอเตอร์ไซค์มีความโดดเด่นมากขึ้นอีกด้วย
รถมอเตอร์ไซค์ Sportster® S ใช้โช้คหน้าและหลังคุณภาพสูง พร้อมให้คุณปรับแต่งได้อย่างอย่างเต็มที่ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าใช้โช้คตะเกียบหัวกลับขนาด 43 มม.จาก SHOWA® ส่วนระบบกันสะเทือนหลังใช้โช้คไฮดรอลิก SHOWA® Piggyback ซึ่งสามารถปรับตั้งได้สะดวก ด้วยการหมุนลูกบิดที่อยู่ด้านซ้ายของรถ ล้ออะลูมิเนียมหล่อน้ำหนักเบาแบบห้าซี่ต่างขนาด ใส่ยาง Dunlop® หรือ Harley-Davidson® Series GT503 พร้อมระบบเบรค Brembo ชั้นยอด เพื่อการหยุดรถอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเบรกหน้าแบบเดี่ยวใหม่จาก Brembo นี้ มีรูปทรงโค้งแบบขึ้นรูปชิ้นเดียวและมีสี่ลูกสูบ ในขณะที่จานเบรกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 320 มม. ส่วนเบรคหลังใช้ปั๊มเบรกแบบสองลูกสูบจาก Brembo และมีจานเบรกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 260 มม.
แป้นเหยียบในตำแหน่งค่อนไปด้านหน้าและแฮนเดิลบาร์ที่ต่ำทำให้ผู้ขับขี่ Sportster® S มีท่าทางดุดันขณะขับขี่ เมื่อรถไม่ได้รับน้ำหนัก เบาะจะมีความสูงที่ระดับ 755 มม. ซึ่งต่ำพอให้ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่วางเท้าลงพอดีกับพื้นขณะรถหยุด ก้านเบรกและคลัทช์สามารถปรับตั้งได้เพื่อให้เหมาะกับขนาดมือและความชอบของผู้ขับขี่ รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S มีสายไฟสำหรับต่อมือจับที่ทำความร้อนได้เพื่อความอบอุ่นขณะขับขี่ในสภาพอากาศเย็น และมีจุดจ่ายไฟพิเศษสำหรับชุดอุปกรณ์เสริมที่ทำความร้อนได้ (อันได้แก่มือจับทำความร้อนและเครื่องแต่งกายทำความร้อนซึ่งมีจำหน่ายแยกต่างหาก) ทั้งยังมีช่องเสียบ USB-C เพื่อชาร์จโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อื่น ๆ ตัววัดอุณหภูมิภายนอกและระบบแจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำบนจอภาพ เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปขณะขับขี่ Sportster® S ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วและระบบความปลอดภัยรอบรถ ซึ่งถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงถังน้ำมันทำจากเหล็กกล้าความจุ 11.8 ลิตร
สีรถ: Vivid Black, Stone Washed White Pearl, Midnight Crimson
อุปกรณ์เสริม
อุปกรณ์เสริมสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S มีให้เลือกซื้อผ่าน Harley-Davidson Genuine Motor Accessories เมื่อรถมอเตอร์ไซค์วางจำหน่าย โดยมีอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจดังนี้
- ชุดปรับแป้นเหยียบเปลี่ยนเป็นควบคุมกลางรถ
ใช้เปลี่ยนตำแหน่งแป้นเหยียบและที่พักเท้าจากด้านหน้าซึ่งเป็นตำแหน่งปกติ มาอยู่กลางรถ การปรับตำแหน่งนี้อาจทำให้ผู้ขับขี่อยู่ในท่าทางที่ดูบึกบึนขึ้น และอาจช่วยให้ทำให้ผู้ขับขี่ที่บังคับแป้นเหยียบซึ่งอยู่ด้านหน้าได้ไม่สะดวกสามารถวางเท้าได้สบายมากขึ้น
- อุปกรณ์สำหรับผู้โดยสารต่าง ๆ
อุปกรณ์สำหรับติดตั้งบนรถมอเตอร์ไซค์ อันประกอบไปด้วย ชุดเบาะซ้อนท้าย ที่พักเท้าสำหรับผู้โดยสาร และพนักพิงหลังสำหรับผู้โดยสาร (แต่ละชิ้นวางจำหน่ายแยกกัน) เบาะซ้อนท้ายและพนักพิงหลังใช้วัสดุหุ้มเข้าชุดกับเบาะนั่งคนขับ
- ที่นั่งเดี่ยวแบบ Sundowner
ที่นั่งโฟมนี้ถูกออกแบบให้เป็นหลุมกลม เพื่อให้ผู้ขับขี่ให้นั่งสบายเมื่อเดินทางเป็นระยะเวลานาน และมีรูปทรงเหมาะแก่การขับขี่แบบดุดัน โดยมีรอยเย็บและตะเข็บอย่างดีเพื่อกันไม่ให้น้ำไหลเข้าโฟม ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่รู้สึกชื้นเมื่อนั่งบนเบาะ และที่สำคัญ วัสดุหุ้มเบาะนี้ถูกผลิตขึ้นอย่างประณีต เพื่อเสริมรูปลักษณ์และสไตล์ของรถมอเตอร์ไซค์
- ชิลด์บังลมขนาดพกพาที่ถอดเปลี่ยนได้
ชิลด์บังลมสีดำและชิ้นส่วนของชิลด์มีสีดำ เพื่อให้เข้ากันกับตัวรถมอเตอร์ไซค์ และชิลด์บังลมนี้ถูกติดตั้งบนตะเกียบหน้า โดยมีปุ่มปลดล็อคใช้งานสะดวก เพื่อให้สามารถติดตั้งและถอดออกได้ง่ายและรวดเร็ว
- กระเป๋าท้ายรถ Sportster® S Tailbag
กระเป๋าท้ายรถที่ถูกออกแบบมาให้พอดีและเข้ากับสไตล์ของรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S โดยเฉพาะ อีกทั้งยังทำให้ผู้ขับขี่มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บสัมภาระที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง กระเป๋าท้ายนี้ควรติดตั้งบนเบาะซ้อนท้าย (มีจำหน่ายแยกต่างหาก) โดยสามารถรับน้ำหนักได้ 2.26 กิโลกรัม ช่องใส่สัมภาระหลักสามารถขยายพื้นที่จัดเก็บได้จาก 8.2 ลิตรเป็น 11.5 ลิตร