บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรมปลูกป่า จำนวน 20 ไร่ ณ ป่าชุมชนบ้านอ่างกระพงศ์ อำเภอ บ่อทอง จังหวัด ชลบุรี นำโดย มร. โมะริคาซุ ชกกิ (ที่ 5 จากขวา) ประธานคณะกรรมการบริษัทฯ และ ประธาน มูลนิธิฯ โดยได้รับเกียรติจาก นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ กรจิระเจริญ (ที่ 2 จากขวา) นายอำเภอบ่อทอง และนายอูฐ เชาวน์ทวี (ที่ 4 จากขวา) ผู้แทน กรมป่าไม้ ได้เข้าร่วมปลูกป่าในครั้งนี้ด้วย โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ปลูกป่า 60 ไร่” เพื่อแสดงเจตจำนงของการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ให้ความสำคัญและใส่ใจกับการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนตลอดระยะเวลา 60 ปี ของการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย
มร. โมะริคาซุ ชกกิ ประธานคณะกรรมการบริษัท บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และประธาน มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้การสนับสนุนเรามาโดยตลอดระยะเวลา 60 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่อเป็นการสานต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ บนพื้นฐานของการคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศเพื่อความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน บริษัทฯ จึงได้มีการจัดตั้ง “มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย” ขึ้นในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมใน 3 ด้านหลักสำคัญ ได้แก่ 1) สิ่งแวดล้อม 2) สุขภาพและชีวอนามัย และ 3) การศึกษาและจริยธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาและความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว ภายใต้ปณิธาน “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย”
“กิจกรรมปลูกป่า ถือเป็นพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม ที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศเพื่อความยั่งยืน โดยโครงการ “ปลูกป่า 60 ไร่” เป็นความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กรมป่าไม้ และ องค์การบริหารจัดการ ก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. สำหรับกิจกรรมปลูกป่าในวันนี้ เป็นส่วนแรกของโครงการปลูกป่า 60 ไร่ โดยจะมีการปลูกต้นไม้นานาชนิด อาทิ มะค่า พะยูง ตะเคียน ยางชาด สำรอง มะฮอกกานี เป็นต้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 20 ไร่ ณ ป่าชุมชนบ้านอ่างกระพงศ์ อำเภอ บ่อทอง จังหวัด โดยเราหวังว่ากิจกรรมนี้จะมีส่วนช่วยสร้างจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนในสังคมให้หันมาร่วมกันดูแลผืนป่า ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ช่วยลดโลกร้อนอีกทางหนึ่ง โดยบริษัทฯ มีแผนจัดกิจกรรมปลูกป่าอีก 40 ไร่ ที่จังหวัด สระแก้วอีกด้วย” มร. ชกกิ กล่าวเสริม
นายอูฐ เชาวน์ทวี ผู้แทนกรมป่าไม้ กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศมีจำนวน 102,484,072.71 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 31.68 ของประเทศ จากนโยบายป่าไม้แห่งชาติที่กำหนดให้มีพื้นที่ป่าไม้ 40% ของพื้นที่ประเทศไทย การ จะรักษาผืนป่าไทยให้ได้ครบตามเป้าหมายจึงมุ่งเป้าไปที่ป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชน โดยสนับสนุนให้คนหันมาสนใจปลูกป่าเศรษฐกิจมากขึ้นในพื้นที่ของตน หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ดังนั้น กรมป่าไม้ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลัก ในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ของชาติ จึงต้องการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกป่า จะก่อให้เกิดความรักและหวงแหนป่าไม้
“กิจกรรมปลูกป่านี้ กรมป่าไม้จะนำความรู้ที่มีมาให้คำแนะนำ ตั้งแต่การเริ่มปลูกต้นไม้ไปจนถึงการดูแลรักษาต้นไม้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่มาปลูก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม้มีค่า ได้แก่ มะค่า พะยูง ตะเคียน ยางนา ประดู่ กระถินเทพา ซึ่งเมื่อโตขึ้นชุมชนสามารถนำไม้มาใช้ประโยชน์ทั้งจากเนื้อไม้หรือนำเศษไม้มาประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว นอกจากนี้ยังมีพรรณไม้ที่ชุมชนปลูกแล้วสามารถนำมาบริโภค ได้แก่ ไผ่ตง สะเดา ขี้เหล็ก สะตอ ซึ่งนอกจากนำมาบริโภคภายในครัวเรือนแล้ว ชุมชนยังสามารถเก็บผลผลิตมาจำหน่ายเป็นรายได้เสริมได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายอูฐ กล่าวเพิ่มเติม
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) กล่าวว่า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันดำเนินโครงการภาคีสนับสนุน ป่าชุมชนลดโลกร้อน เพื่อเชื่อมโยงภาคเอกชนให้เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมปลูกป่า ผ่านกลไกสนับสนุนกิจกรรม ลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme) หรือ เรียกว่าโครงการ LESS ซึ่งเป็นกลไกที่มุ่งสร้างความตระหนักในการลดหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจก และยกย่องผู้ทำความดีด้านการลดหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจก วันนี้การที่เราได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนอย่าง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมปลูกป่า เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการทำดีของภาคเอกชนในการช่วยลดโลกร้อนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเราทุกคน และที่สำคัญยังเป็นแหล่งดูดกลับก๊าซเรือนกระจกซึ่งช่วยลดและบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
โครงการป่าชุมชนบ้านอ่างกระพงศ์ ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบล เกษตรสุวรรณ อำเภอ บ่อทอง จังหวัด ชลบุรี บนเนื้อที่ 323 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา โดยเริ่มจัดตั้งเป็นป่าชุมชนเมื่อปี พ.ศ. 2549 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่เดิมพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ป่าเสื่อมสภาพ กรมป่าไม้จึงได้ทำการฟื้นฟูโดยผ่านคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านอ่างกระพงศ์ให้เป็นผู้ดูแลฟื้นฟูป่า โดยเริ่มฟื้นฟูในปี พ.ศ. 2563 ร่วมกับเครือข่ายป่าชุมชน 5 จังหวัดภาคตะวันออก และภาคเอกชน ป่าชุมชนนี้เป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลไปสู่อ่างเก็บน้ำรัชโยธร อำเภอ เกาะจันทร์ ชาวบ้านรอบป่าใช้ประโยชน์จากการเก็บเห็ด ยอดไม้ ผลไม้ในพื้นที่เพื่อกินเป็นอาหาร ในป่าชุมชนนี้มีสัตว์ป่า อาทิ หมูป่า ลิง กระรอก นก ชะมด อีเห็น อาศัยอยู่ ดังนั้นการฟื้นฟูป่า สร้างพืชอาหาร สร้างแหล่งน้ำจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชนและ สัตว์ป่า อีกทั้งยังจำเป็นต่อชุมชนเมือง ภาคอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำรัชโยธรที่ได้จากป่าชุมชนนี้
ที่ผ่านมาพนักงาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ดำเนินกิจกรรมปลูกป่าชายเลนร่วมกับชุมชน ณ ชุมชนบ้านแหลมฉบัง จังหวัด ชลบุรี เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 ด้วยการช่วยกันเพาะชำต้นไม้ก่อนนำไปปลูกป่าชายเลน รวมถึงการช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และสิ่งแวดล้อมในชุมชนอีกด้วย “จากนี้ไป มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะยังคงเดินหน้าสานต่อกิจกรรมเพื่อสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในอนาคตอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับองค์กร ชุมชน และประเทศ เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดีและสังคมที่ยั่งยืน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย” มร. ชกกิ กล่าวปิดท้าย.