พันตํารวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่ ๔๑ จังหวัดอุบลราชธานี” โดยมี นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในระดับพื้นที่ และสถาบันทางการเงินภาคีเครือข่ายกว่า ๑๐ แห่ง เข้าร่วมฯ โดยมี นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวต้อนรับ ณ โรงแรมสุนีย์แกรนด์ แอนด์ คอนแวนชั่นเซ็นเตอร์
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบาย เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖ พบว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่าร้อยละ ๙ ของ GDP ถือเป็นความเปราะบางของภาคประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงเชิง เศรษฐกิจ ตลอดจนระดับของหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่สูงกว่าร้อยละ ๖๑ ซึ่งมีแนวโน้มที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจนอาจจะกลายเป็นข้อจำกัดทางด้านการคลังและการบริหารประเทศในอนาคต ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน สร้างความพร้อมและวางรากฐานเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า ให้กับคนไทยทุกคนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ฝากยุติธรรมทางเลือก ยุติธรรมสมานฉันท์ โดยเฉพาะการแก้ไขในเรื่องหนี้เช่าซื้อรถยนตร์ หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้อื่น ๆ กระทรวงยุติธรรมและรัฐบาลฝันว่า ที่ดินแปลงสุดท้ายกับที่อยู่อาศัยจะต้องไม่ถูกยึดทรัพย์ ทุกคนจะต้องมีอาชีพ มีอนามัยที่ดี มีโอกาสทางการศึกษา ต้องมีอัตลักษณ์หรือการเคารพศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และที่ขาดไม่ได้ คือ จะต้องไม่มีความอยุติธรรม พร้อมทั้งขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมจัดมหกรรมในครั้งนี้
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนที่ได้รับการขึ้นทะเบียน มอบบัตรประชาชนสําหรับบุคคลที่ได้รับสถานะทางทะเบียน และร่วมพิธีลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้สําหรับกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ รวมทั้งได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการและการไกล่เกลี่ยแก้หนี้ให้แก่ประชาชนภายในงาน
ทั้งนี้ การจัดมหกรรมฯ ดังกล่าว ได้กำหนดจัดขึ้นตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ น. โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ได้ร่วมพบปะพูดคุยกับประชาชน ณ จุดไกล่เกลี่ลูกหนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยการจัดมหกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หนี้เช่าซื้อรถยนต์ หนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ผิดนัดชำระหนี้เข้าเกณฑ์จะถูกฟ้องดำเนินคดีหรือไม่มีกำลังผ่อนชำระตามสัญญาได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และรู้สิทธิตามกฎหมาย เข้าถึงความยุติธรรม รวมถึงเวทีสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผน และสร้างวินัยทางการเงินให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อเป็นเกราะป้องกันปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ซึ่งภายในงานมีการให้บริการต่าง ๆ เช่น การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย การให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนและสร้างวินัยทางการเงิน การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ การให้คำปรึกษาทางกฎหมายหรือการเงิน และการให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ทั้งก่อนฟ้องและหลังศาลมีคำพิพากษา
จากนั้น เวลา ๑๓.๓๐ น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ได้ร่วมตรวจเยี่ยมเรือนจํากลางอุบลราชธานี โดยมี นายเอกรินทร์ วรรณเวศ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานี ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งได้ร่วมหารือข้อราชการในเรื่องการจะทำอย่างไรเพื่อให้ญาติที่มาเยี่ยมรู้สึกว่าเรือนจำเป็นเรือนจำของเรา ให้รู้สึกว่าเมื่อมาเรือนจำแล้วเหมือนมาบ้านญาติผู้ใหญ่ ทำอย่างไรให้เรือนจำบูรณาการร่วมกันกับผลิตภัณฑ์จากเกษตรกร รวมไปถึงร่วมกันพัฒนาพฤตินิสัย คุณภาพชีวิต การให้โอกาสทางการศึกษา ทำงานอย่างไรให้เรือนจำมีใบอนุญาตฟื้นฟูสภาพทางสังคมและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยาเสพติด รวมถึงจัดกิจกรรมดี ๆ ค้นหาความสามารถตามความถนัด พัฒนาวิชาชีพ โดยกล่าวให้กำลังใจผู้ต้องราชทัณฑ์มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ทุกคนควรมีสิทธิมีโอกาสทางการศึกษาหาความรู้ วันนี้ผู้บัญชาการเรือนจำเป็นตัวแทนในการลงนาม MOU ให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้ปลดผู้ค้ำ และพักหนี้ กยศ. ทุกคนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม ไม่มีใครไม่เคยก้าวพลาด ไม่อยากให้ด้อยค่าตนเองว่าสังคมไม่ยอมรับ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ตัวเราจะต้องมีคุณภาพ อย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า พัฒนาตัวเองตามความถนัดตามศักยภาพ อยากให้ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษา อ่านออก-เขียนได้-คิดเลขเป็น และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาในปีนี้ ขอให้ได้รับแต่สิ่งดี ๆ ให้ทุกท่านสมหวังโชคดีตลอดไป