บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เผยผลการดำเนินงานของปี 2566 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 34.7 พันล้านบาท เติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 11 (จากเบี้ยประกันภัยรับรวม 31.3 พันล้านบาท ในปี 2565) ทำให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 7 ของผู้นำธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย ในส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 8.6 พันล้านบาท (จากรายงานประจำปี 2566 ของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 (จาก 8.2 พันล้านบาท ในปี 2565) และมีเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 อยู่ที่ 22.2 พันล้านบาท (จาก 18.7 พันล้านบาท ในปี 2565)
นอกจากการรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ ยังตอกย้ำการเป็นองค์กรที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยมีคะแนนความพึงพอใจลูกค้าอยู่ในเกณฑ์สูงสุด (The 1st Quartile Relationship Net Promoter Score) ของธุรกิจประกันชีวิต มุ่งเน้นการดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพจนได้รับความไว้วางใจ ในปีนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินเกมรุก ด้วยการวางกลยุทธ์ความเป็นเลิศในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้ามากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพัฒนาด้านบริการที่ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การบริหารช่องทางการขาย และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม การพัฒนาและส่งเสริมทักษะบุคลากรตามค่านิยมองค์กร “The PruWay” ที่สำคัญที่สุด คือ การอัปเดตนโยบายด้านความยั่งยืนที่ตอบรับกับเมกะเทรนด์ต่างๆ ของโลก อย่างเช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) ความเสี่ยงและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ปัญหาหนี้ครัวเรือน (Household Debt) และ การเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล (AI & Digital Transformation)
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดเผยว่า “แม้แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศและทั่วโลกในปีนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าท้ายด้านต่างๆ แต่ พรูเด็นเชียลฯ พร้อมเดินเกมรุกทุกด้านให้ก้าวสู่ความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การออกแผนประกันที่ตอบโจทย์กับเทรนด์ความเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น ผลิตภัณฑ์เพื่อการออมและวางแผนการเงินในอนาคตเพื่อใช้ในยามเกษียณ ซึ่งถือว่าแผนประกันบำนาญของพรูเด็นเชียลได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมากจนทำให้เราเป็นผู้นำของผลิตภัณฑ์ด้านนี้ นอกจากนี้ เรายังตระหนักถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เราจึงมีแผนประกันควบการลงทุน (Unit Linked) พร้อมโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมหลากหลายมากถึง 73 กองทุน ให้ลูกค้าบริหารการลงทุนได้ตามต้องการ สามารถสับเปลี่ยนกองทุนฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านการวางแผนการเงินของลูกค้าเพื่อความมั่นคงในอนาคต”
“เรายังมุ่งมั่นสร้างความเป็นเลิศผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงและครอบคลุม ทั้งช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ที่เรามีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) ธนาคารยูโอบี และ ล่าสุด ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ช่องทางนายหน้าและตัวแทน ช่องทางการขายทางโทรศัพท์ หรือช่องทาง ดิจิทัล ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการแบบ ‘One Connected Platform’ ผ่านช่องทาง PRUConnect และ PRUServices@Pulse ในด้านการดูแลลูกค้า แม้เราจะสามารถทำคะแนนความพึงพอใจลูกค้าอยู่ในเกณฑ์สูงสุด (The 1st Quartile Relationship Net Promoter Score) ในปีที่ผ่านมา แต่เรายังคงไม่หยุดนิ่งและวางกลยุทธ์เชิงรุกที่เน้นความใส่ใจดูแลลูกค้าในทุกย่างก้าวเพื่อพัฒนาและมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า” นายบัณฑิต กล่าวเสริม
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของปีนี้ ก็คือ
• “PRU 888”: ชําระเบี้ยประกันภัยเพียง 8 ปี คุ้มครองยาวถึงอายุ 88 ปี, รับเงินคืนทุกปี ปีละ 8% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น ยาวจนถึงอายุ 87 ปี, รับเงินก้อนสูงถึง 888% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น เมื่อครบกำหนดสัญญา
• “ttb Global Index 15/5 และ UOB Smart Goal 5/15”: ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ที่จ่ายเบี้ยฯ ระยะสั้นเพียงแค่ 5 ปี รับความคุ้มครอง15 ปี มีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนระดับโลก พร้อมความคุ้มครองชีวิตและการันตีค่าเบี้ยฯ ที่ชำระแล้วเต็มจำนวน
• แผนประกันสุขภาพแบบต่างๆ ที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิต เช่น พรูโรคร้าย ซูเปอร์คุ้ม ประกันโรคร้ายแรง เจอจ่ายจบ ที่จะคุ้มครองคุณจากโรคมะเร็งทุกระยะ และโรคร้ายอื่น ๆ / ประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่มแบบครอบครัวเป็นประกันกองกลางคุ้มครองชีวิตในครอบครัว และแชร์วงเงินค่ารักษาพยาบาลร่วมกันได้ทั้งครอบครัว / แผนประกันคุ้มครองชีวิตและโรคร้าย มีเงินใช้สุขใจหลังเกษียณ พร้อมโอกาสรับเงินปันผล เป็นต้น