กรุงเทพฯ : SABINA เผยแผนปี 2567 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน มั่นใจเติบโตทุกช่องทางขาย ทั้งค้าปลีก (Retail) ออนไลน์ (NSR) และรับจ้างผลิต (OEM) โดยเฉพาะช่องทางรับจ้างผลิตที่สัญญาณดีขึ้นชัดเจน หลังลูกค้าต่างประเทศเริ่มลงออเดอร์จนกลับมาเท่าภาวะปกติ ขณะที่ผลงานปี 2566 สุดปัง ! ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำรายได้ทุบสถิติเดิมที่เคยทำไว้ในปี 2562 ก่อนโควิดระบาด ที่ระดับ 3,295 ล้านบาทได้สำเร็จ เผยปีนี้เดินหน้าลุยต่อแบบไม่พัก งัดกลยุทธ์ “เอซ” (ACE) ทำตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ ยึดความต้องการลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เน้นเข้าถึงสินค้า สะดวกสบายและง่ายต่อการใช้บริการ เตรียมเปิดตัวคอลเลคชั่นแรกของปี ต้นเดือน ก.พ.นี้ ตอกย้ำความเป็นมากกว่าชุดชั้นใน หวังกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ไตรมาสแรก พร้อมยืนหนึ่งแบรนด์ไทยยอดขายสูงสุดในไทย ดันเป้าหมายแบรนด์ระดับภูมิภาคให้ชัดเจนขึ้น
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า SABINA ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2567 ไว้ที่ระดับ 10% จากปีก่อน โดยมั่นใจว่า รายได้จะเติบโตในทุกช่องทางขาย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางค้าปลีก (Retail) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 63% ของรายได้ยอดขายรวม ช่องทางออนไลน์ (Non Store Retailing หรือ NSR) ที่มีสัดส่วนรายได้ 30% และช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ที่มีสัดส่วนรายได้ 7% โดยในปีนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะคงสัดส่วนรายได้ในแต่ละช่องทางไว้ในระดับเดิม “เรามั่นใจว่า ในปีนี้ยอดขายจะเติบโตได้ทุกช่องทาง หลังจากปี 2566 ที่ผ่านมา ผลงานออกมาดีกว่าที่คาดไว้ และทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้สำเร็จ จากรายได้สูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ระดับ 3,295 ล้านบาทในปี 2562 โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการมุ่งเน้นพัฒนาและปรับปรุงทุกช่องทางขายด้วยหลักลดความสูญเปล่า เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทุกขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ มุ่งเน้นการวางแผนอย่างเป็นระบบให้ทุกๆ หน่วยงานทำงานสอดคล้องไปกับแผนการตลาดที่วางไว้ ทำให้สินค้าและบริการของ SABINA สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ทันที ซึ่งในปีนี้เราจะเดินหน้าสร้างความต่อเนื่อง เพื่อสร้างสถิติยอดขายสูงสุดใหม่ให้ได้อีกครั้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว
สำหรับปี 2567 ปัจจัยบวกที่สำคัญมาจากการกลับมาของช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ที่เริ่มดีขึ้น โดยจนถึงขณะนี้มียอดจองผลิตกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งถือว่า เป็นระดับปกติ จากปี 2563-2566 ที่การลงออเดอร์ของลูกค้าต่างประเทศทั้งยุโรปและสหราชอาณาจักร มีความไม่แน่นอนตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ช่องค้าปลีก ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุด บริษัทฯ ได้ปรับและจัดโครงสร้างในส่วนของร้านค้าให้มีความเหมาะสมตามสถานการณ์ และยังคงรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายในช่องทางนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 ส่วนช่องทางออนไลน์ (NSR) ในปีนี้จะมีการสร้างช่องทางขายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าในแต่ละประเภทได้ง่ายขึ้น ขณะที่ปัจจัยท้าทายในปีนี้ อยู่ที่ทิศทางการเติบโต ซึ่ง SABINA จะไม่ให้น้ำหนักกับการขยายหน้าร้าน แต่จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการขายในร้านค้าทั้งเคาน์เตอร์ซาบีน่า ซาบีน่าช็อป รวมถึงช่องทางออนไลน์ให้สูงขึ้น ด้วยการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า และพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายภายใต้กลยุทธ์ “เอซ” (ACE) ที่หมายถึงการไปสู่เป้าหมายที่ยอดเยี่ยม โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาทุกด้าน ทั้งด้านการเข้าถึงที่เพียงพอ (Availability) ความสะดวกสบายในการใช้บริการ (Convenience) และง่ายต่อการใช้บริการ (Ease)
“ในปี 2567 นี้ ภาพของการขยายกลุ่มสินค้าที่เป็นมากกว่าชุดชั้นในของ SABINA จะชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราจะขยายแบบระมัดระวัง เพื่อให้มั่นใจว่า สินค้าทุกชิ้นที่ออกมาจะต้องตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เราคาดการณ์ไว้ โดยคอลเลคชั่นแรกที่จะทำให้เห็นภาพชัดเจน จะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเราเชื่อว่า จะเป็นคอลเลคชั่นที่สร้างเซอร์ไพร์สให้กับตลาดได้ตั้งแต่ต้นปี และเชื่อว่า การเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่จะกระตุ้นบรรยากาศโดยรวม และทำให้ยอดขายคึกคักตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี” นางสาวดวงดาวกล่าว
ในส่วนของตลาดต่างประเทศ หลังจากที่ SABINA เข้าไปลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ถือว่าประสบความสำเร็จดีกว่าที่คาดไว้ โดยยอดขายในปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 25% ขณะที่ในปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดฟิลิปปินส์ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก จากทั้งจำนวนประชากร และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยการทำตลาดจะใช้กลยุทธ์ “เอซ” (ACE) เช่นเดียวกับประเทศไทย โดยจะนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตลาด รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่ายเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด โดยเป้าหมายสำคัญในการขยายตลาดต่างประเทศอยู่ที่การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากแผนการทำตลาดในทุกช่องทางขาย รวมถึงการรุกตลาดในต่างประเทศแล้ว ในปีนี้ SABINA ยังวางแผนตอกย้ำแบรนด์ดีเอ็นเอ (Brand DNA) สะท้อนความเป็นตัวตนของบริษัทฯ ด้วยหลัก “เอสบีเอ็น” (SBN) ได้แก่ หลักความยั่งยืน (Sustainability) ด้วยเป้าหมายสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Product) ให้ได้สัดส่วน 10% ภายในปี 2568 หลักชีวิตที่ดีขึ้น (Better Life) ด้วยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันโครงการ New Life Bra Cycle ในการกำจัดชุดชั้นในเก่าไปเป็นพลังงานสะอาด เพื่อลดภาระขยะบนโลกใบนี้ รวมถึงดำเนินกิจกรรมเย็บเต้าเติมใจช่วยภัยมะเร็งเต้านม เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ตัดเต้านมแล้ว และเสริมด้วยกิจกรรมแผ่นทดสอบมะเร็งเต้านม (Simulator Pad) เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงทุกคนสามารถตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองได้ และสุดท้าย หลักการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ (New Innovation) มุ่งเน้นในการใช้นวัตกรรมที่ทันสมัย ในการออกแบบและผลิตสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้บริโภคมีชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวัน ซึ่งเชื่อว่า ทั้งหมดนี้จะทำให้แบรนด์ “ซาบีน่า” ยังครองความเป็นที่หนึ่งของแบรนด์ชุดชั้นในสัญชาติไทยในประเทศไทย และสามารถขยับอันดับในประเทศต่างๆ เพื่อให้ภาพของความเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาคชัดเจนมากยิ่งขึ้น