แซดทีอีเตรียมนำเสนอผลงานใหม่ที่รองรับ 7 สถานการณ์การใช้งาน โดยผู้เข้าร่วมงาน MWC จะได้เพลิดเพลินกับนวัตกรรมเหนือขอบเขตเทคโนโลยี ที่ผสานรวมความสามารถหลักและระบบอัตโนมัติชาญฉลาดแซดทีอีเตรียมจัดงานอีเวนต์สำหรับพันธมิตรสุดยิ่งใหญ่ พร้อมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพบปะกับผู้ให้บริการ พันธมิตรในอุตสาหกรรม และผู้นำทางความคิดทั่วโลก ในการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก มุมมอง และกรณีศึกษาที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับหัวข้อยอดนิยมต่าง ๆ
แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น (ZTE Corporation) (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก เตรียมปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ภายในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส (MWC) เซี่ยงไฮ้ ประจำปี 2566 ภายใต้ธีม “สรรสร้างนวัตกรรมดิจิทัล” (Shaping Digital Innovation) ตั้งแต่วันที่ 28 ถึง 30 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์จัดแสดงสินค้านานาชาติใหม่ เซี่ยงไฮ้ (Shanghai New International Expo Center) มอบเวที่สำหรับการเชื่อมต่อกับลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางอย่างเต็มที่ พร้อมนำเสนอผลงานใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับ 7 สถานการณ์การใช้งาน ผู้เข้าชมบูธของแซดทีอีภายในงาน MWC จะได้สัมผัสกับนวัตกรรมเหนือขอบเขตทางเทคโนโลยีที่ผสานรวมความสามารถหลักและระบบอัตโนมัติชาญฉลาด บูธของแซดทีอีตั้งอยู่ที่ฮอลล์ N3 หมายเลข B20 โดยจะมีการนำเสนอโซลูชันและการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยของบริษัทในพื้นที่จัดแสดง 7 แห่ง ประกอบด้วย เครือข่ายภาคพื้นอุตสาหกรรม (Industrial Field Network) พลังการประมวลผลที่แข็งแกร่ง (Stronger Computing Power) นวัตกรรมสีเขียวสำหรับทุกคน (Green for All) การเชื่อมต่อไร้สาย (Wireless Infinity) โลกแห่งอ็อปติก (All Optical World) นวัตกรรมกายภาพดิจิทัล (Phygital Innovation) และประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหนือกว่า (Better User Experience)
แซดทีอีร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม โดยได้เปิดตัวโซลูชันสำหรับการสร้างโรงงานที่เชื่อมต่อเต็มรูปแบบได้แก่ “เครือข่ายภาคพื้นอุตสาหกรรม+แซดทีอี ดิจิทัล เนบิวลา” (Industrial Field Network + ZTE Digital Nebula) โดยโซลูชันนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่มูลค่าสำหรับการผลิตและยกระดับความคล่องตัวในการผลิตแบบแยกส่วน สร้างความอัจฉริยะทางอุตสาหกรรมในทุกด้านอย่างครอบคลุม ภายในงานยังมีการสาธิตกระบวนการผลิตอัจฉริยะในพื้นที่จัดแสดงเครือข่ายภาคพื้นอุตสาหกรรม นำเสนอกระบวนการใช้งานในศูนย์ข้อมูล การจัดการการผลิต การจัดการอุปกรณ์ การปกป้องพลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการรับประกันความปลอดภัย ในขณะเดียวกัน เนบิวลาดิจิทัลของแซดทีอียังช่วยให้สามารถควบคุมการผลิตแบบรวมศูนย์ การจัดการพลังงาน การควบคุมความปลอดภัย การมองเห็นเครื่องจักรเอไอ งานสามมิติแบบไร้ผู้คุม และโลจิสติกส์อัจฉริยะภายในโรงงานได้ ซึ่งเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาองค์กรอย่างมีคุณภาพ
พลังการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความต้องการที่สูงขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ ที่เก็บข้อมูล และศูนย์ข้อมูล แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะยกระดับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังการประมวลผล โดยในพื้นที่จัดแสดง “พลังการประมวลผลที่แข็งแกร่ง” ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับชมการสาธิตผลิตภัณฑ์และโซลูชันของแซดทีอีเพื่อพลังการประมวลผลที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ข้อมูลแบบแยกส่วนที่ปรับแต่งได้ตามสถานการณ์ โครงสร้างพื้นฐานพลังการประมวลผลใหม่ คลาวด์ ดีซีเน็ต (Cloud DCnet) โครงสร้างพื้นฐานอ็อปติกประสิทธิภาพสูง และการจัดตารางพลังการประมวลผลข้ามโดเมน ผลิตภัณฑ์และโซลูชันเหล่านี้ช่วยให้ผู้สร้างและผู้ดำเนินโครงการการถ่ายโอนทรัพยากรดิจิทัลข้ามภูมิภาค (East-to-West Computing Resource Transfer) ลดต้นทุนและสร้างรายได้จากพลังการประมวลผลผ่านการประสานงานแบบมัลติคลาวด์และการใช้พลังการประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ
ในฐานะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล แซดทีอีได้นำเสนอแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสู่เศรษฐกิจดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยความร่วมมืออย่างครอบคลุมร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมกว่า 500 ราย แซดทีอีมองหาการเพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยีเพื่อการประหยัดพลังงาน การลดการปล่อยมลพิษ และการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน โซนจัดแสดง “นวัตกรรมสีเขียวสำหรับทุกคน” จะนำเสนอโซลูชันที่ทันสมัยในการดำเนินงานสำหรับห่วงโซ่อุปทาน โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แซดทีอีทุ่มเทให้กับมิติทั้งหลายนี้อย่างต่อเนื่อง โดยสนับสนุนผู้ประกอบการในการสร้างเครือข่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคาร์บอนต่ำแบบครอบคลุม ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ระหว่างสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ในส่วนของพื้นที่จัดแสดง “การเชื่อมต่อไร้สาย” แซดทีอีเตรียมนำเสนอโซลูชันการสร้างเครือข่ายที่แม่นยำซึ่งครอบคลุมทุกสถานการณ์การใช้งานและถูกปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ให้บริการที่จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการขั้นสูง แบนด์วิดท์ขนาดใหญ่ ความถี่หลายแบนด์ พลังงานและความจุสูง โซลูชันเทอร์โบคอร์ (Turbo Core) ของแซดทีอีช่วยเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับทุก ๆ บิตโดยการรวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เข้าด้วยกัน ขณะที่โซลูชันสเตดี คอร์ (Steady Core) มอบเครือข่ายที่เชื่อถือได้สูงและมีความทนทาน นำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพและราบรื่น นอกจากนี้ยังมีโซลูชัน 5G นิวคอลลิง (5G New Calling) ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ สร้างประสบการณ์การสื่อสารแบบเรียลไทม์ที่เหนือกว่าผ่านการอัปเกรดและนวัตกรรมที่ครอบคลุมทั่วทั้งอุปกรณ์ เครือข่าย แพลตฟอร์มคลาวด์ และอุตสาหกรรมแนวดิ่ง ขณะที่คู่แฝดดิจิทัล (Digital twin) และยูสมาร์ตเนต (uSmartNet) ที่เน้นจุดประสงค์เป็นหลักมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีกว่าและชาญฉลาดยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เทคโนโลยีสำหรับสถานการณ์การใช้งาน 5G ขั้นสูงเช่นเครือข่าย 5G ไร้พรมแดน (5G Non-Terrestrial Network) เครือข่ายคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero-Carbon Network) อินเทอร์เน็ตของโดรนระดับบินต่ำ (Internet of Low-Altitude UAV) และยานพาหนะที่สื่อสารกันได้ผ่านอินเทอร์เน็ต (Internet of Vehicles) จะมีแนวโน้มเพิ่มความจุเครือข่ายขึ้นถึง 10 เท่าและสร้างมูลค่ามหาศาล
นอกจากนี้ ในฐานะผู้นำด้านเครือข่ายอ็อปติก แซดทีอีได้เปิดตัวโซลูชันเครือข่ายอ็อปติกที่มีมูลค่าสูง เพื่อวางรากฐานเครือข่ายความเร็วสูงสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยในพื้นที่จัดแสดง “โลกแห่งอ็อปติก” แซดทีอีจะนำเสนอชุดผลิตภัณฑ์ครบวงจร ครอบคลุมทั้งอ็อปติกเทอร์มินัล เครือข่ายการเข้าถึงแบบอ็อปติก (OAN) และเครือข่ายการส่งผ่านแบบอ็อปติก (OTN) การถือกำเนิดขึ้นของการใช้งานที่ทันสมัยอย่างวิดีโอความคมชัดสูงพิเศษ เมตาเวิร์ส และแชตจีพีที (ChatGPT) ทำให้แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะสร้างเครือข่ายอ็อปติกที่มีแบนด์วิดท์ขนาดใหญ่และเวลาแฝงที่ต่ำกว่า รวมถึงสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่พร้อมสำหรับอนาคต เพื่อรองรับการเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมดในยุค 10G
พื้นที่จัดแสดง “นวัตกรรมกายภาพดิจิทัล” จะแสดงให้เห็นถึงมูลค่าที่สร้างขึ้นโดยโซลูชันดิจิทัลเนบิวลา 2.0 ของแซดทีอี (ZTE Digital Nebula 2.0) แซดทีอีได้ผสมผสานความต้องการของอุตสาหกรรมเข้ากับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการปรับแต่ง ก่อให้เกิดเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลเนบิวลา ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับองค์กรต่าง ๆ มาพร้อมการอัปเกรดที่ครอบคลุมทั้งในด้านข้อมูล อัลกอริทึม และพลังการประมวลผล ซึ่งเป็นเสาหลักทั้งสามในยุคแห่งดิจิทัลที่ชาญฉลาด ทั้งนี้ แซดทีอีได้ร่วมกับพันธมิตรในการสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โครงสร้างพื้นฐานในเมืองสำคัญ สวนอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ ทางรถไฟในเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยบิ๊กดาต้า การทำให้ท่าเรือมีความเป็นดิจิทัล ท่าเรืออัจฉริยะ และการจัดการน้ำแบบคู่แฝดดิจิตอล ก่อให้เกิดเป็นโซลูชันรวมเครือข่ายคลาวด์แบบแยกส่วน ยืดหยุ่น สะดวก และมีประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะทางของลูกค้าในอุตสาหกรรม ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกด้านเทอร์มินัลอัจฉริยะ แซดทีอียังคงสร้างสรรค์นวัตกรรม 5G เพื่อสร้างระบบนิเวศอัจฉริยะ 2.0 เต็มรูปแบบ “1+2+N” ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมเทอร์มินัลอัจฉริยะและอุปกรณ์มือถือเต็มรูปแบบที่โซน “ประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหนือกว่า” รวมถึงแท็บเล็ต 3 มิติที่ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นสามมิติเครื่องแรกของโลกที่ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ แว่นตาเออาร์จีพีทีไร้สายเกรดผู้บริโภคเครื่องแรกของโลก, อุปกรณ์เชื่อมต่อไวไฟ 7 5G (Wi- Fi 7 5G CPE) และเทอร์มินัลคลาวด์สำหรับโน้ตบุ๊ก 5G เครื่องแรก ทั้งหมดนี้สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้ในด้านประสบการณ์ภาพ การเชื่อมต่อที่ราบรื่น และการขยายประสาทสัมผัส
นอกจากนี้ แซดทีอียังจะจัดงานอีเวนต์สำหรับพันธมิตร (Partner Event Day) และกิจกรรมร่วมระหว่างงานจัดแสดง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ให้บริการ พันธมิตรในอุตสาหกรรม และผู้นำทางความคิดทั่วโลก รวมถึงแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก มุมมอง และกรณีศึกษาเชิงปฏิบัติในหัวข้อยอดนิยมต่าง ๆ เกี่ยวกับ 5G เครือข่ายออปติกในอนาคต และทุกสิ่งที่เป็นดิจิทัล
ทั้งนี้ ทางผู้จัดงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส เซี่ยงไฮ้ ประจำปี 2566 ยังเปิดตัวเว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถเข้าถึงการอัปเดตล่าสุดและเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นภายในงานได้ทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก แซดทีอีในฐานะผู้ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมดิจิทัลที่ชาญฉลาด ได้เปิดรับกระแสของการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง บริษัทยึดมั่นในปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่ว่า “เรียบง่าย คล่องตัว และเปิดกว้างเพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย” และวางสถานะตนเองเป็น “ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล” โดยใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อและพลังการประมวลผลอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความสามารถหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครอบคุลม บริษัทร่วมมือกับพันธมิตรจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างและเอื้ออำนวยกันเพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมดิจิทัลพร้อมขยายขอบเขตในด้านธุรกรรม ความสามารถ และคุณค่า
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่