บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ประสบความสำเร็จปิดการขายหุ้นกู้ MINT e–Bond ชุดที่ 3 ผ่าน “เป๋าตัง” มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย หลังนักลงทุนรายย่อยตอบรับดี ตอกย้ำความเชื่อมั่นในบริษัทฯ มั่นใจแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 65 กลับมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึงสหรัฐฯ และยุโรปทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการควบคุม COVID–19 หลังประชาชนจำนวนมากได้รับวัคซีนแล้ว
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการเสนอขายหุ้นกู้ ‘MINT e–Bond’ ให้แก่นักลงทุนรายย่อย ชุดที่ 3 (หุ้นกู้ดิจิทัล) อายุ 4 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.30% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 21 – 23 มีนาคม 2565
การเสนอขายหุ้นกู้ ‘MINT e–Bond’ นับเป็นครั้งแรกของบริษัทเอกชนในประเทศไทยที่เสนอขายหุ้นกู้แบบไร้ใบหุ้นกู้ (Scripless) 100%แก่นักลงทุนทั่วไป เพื่อลดการใช้กระดาษสอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก พร้อมทั้งสนับสนุนนวัตกรรมตลาดทุนในยุคดิจิทัล อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนที่ต้องการเปลี่ยนเป็นใบหุ้นกู้สามารถแจ้งกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิดพอร์ตหรือนายทะเบียนหุ้นกู้ได้ (มีค่าธรรมเนียม) นอกจากนี้ ยังเปิดมิติใหม่ของการเสนอขายหุ้นกู้ โดยเป็นครั้งแรกที่มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับส่วนลด 10% จากราคาปกติ (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) เมื่อใช้บริการร้านอาหารในเครือของบริษัทฯ ที่ร่วมรายการ 6 แบรนด์ ได้แก่ เดอะพิซซ่า คอมปะนี, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เล่อร์, เบอร์เกอร์คิงส์ และเดอะ คอฟฟี่ คลับ (ยกเว้นสาขาในสนามบิน) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไปตลอดอายุหุ้นกู้ที่ลงทุนโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
“ผลตอบรับจากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ จึงตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้นกู้ MINT e–Bond เพื่อรับผลตอบแทนจากการจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอและมีความมั่นคง โดยบริษัทฯ เตรียมนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดบางส่วน ในเดือนมีนาคม 2565 และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงช่วยให้บริษัทฯ บริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นายชัยพัฒน์ กล่าว
นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมรูปแบบใหม่มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ให้ตอบโจทย์ลูกค้าและประชาชนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง บนช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก และปลอดภัย พร้อมสนับสนุนให้คนไทยวางแผนการออมและการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ให้เป็น Thailand Open Digital Platform เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่มใช้บริการได้ แม้ไม่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย พร้อมเปิดกว้างร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับศักยภาพของแพลตฟอร์มให้สามารถบริการครอบคลุมกิจกรรมในชีวิตของลูกค้าและประชาชนอย่างทั่วถึง ทั้งบริการทางการเงิน สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการออมและการลงทุน
ล่าสุด ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จำหน่ายหุ้นกู้ MINT e–Bond ชุดที่ 3 ผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นกู้ดิจิทัล MINT E–Bond อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม กระจายตัวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40.6% และต่างจังหวัด 59.4% เป็นนักลงทุนผู้หญิงสูงถึง 63.7% กระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20–90 ปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน (Office Worker) 20–40 ปี สัดส่วนสูงถึง 30.35% และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 18.03% ตอกย้ำการเข้าถึงการลงทุนได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเสมอภาค สามารถซื้อขายได้สะดวก รวดเร็ว แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับหุ้นกู้และได้รับเงินทันที พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย ครบจบในที่เดียว ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
“ความร่วมมือกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการปฎิวัติการลงทุนหุ้นกู้ภาคเอกชนในธุรกิจอาหาร โรงแรมและไลฟ์สไตล์ และนับเป็นโอกาสในการขยายศักยภาพของแอปฯ เป๋าตัง ให้ตอบโจทย์เรื่องการออมและการลงทุนไปอีกขั้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้าและประชาชนอย่างยั่งยืนในอนาคต ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) ในหลายๆด้าน ทั้งด้านการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนายกระดับตลาดทุนไทย นำเสนอบริการที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์แบบ Scripless ไม่ต้องใช้เอกสาร ลดการเดินทางไปที่สาขา โดยทำรายการบนแอปฯ เป๋าตังได้ทันที ซึ่งเป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคน และเป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ Sharing Economy ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตราสารหนี้ของประเทศอีกด้วย” นายรวินทร์ กล่าว
Post Views: 255