บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าร่วมปกป้องระบบนิเวศ สัตว์ป่า พันธุ์พืช และความหลากหลายทางชีวภาพ  สานต่อโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป่าชายเลน  ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างความมั่นคงทางอาหาร รักษาสมดุลทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน    3 มีนาคม ของทุกปี องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้เป็นวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก  (World Wildlife Day) โดยปีนี้ กำหนดแนวคิด คือ  การดูแลทรัพยากรสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ (Recovering key  species for ecosystem restoration) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน   (Sustainable Development  Goals  : SDGs)  สำหรับในประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุทยานแห่งชาติ  สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช  ได้เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลพื้นที่ป่าไม้ “กู้วิกฤติชีวิตในป่า  พลิกฟื้นชะตาระบบนิเวศ “
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนองค์กร  บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ  ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ  ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ที่มีความมุ่งมั่นใช้ฐานทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า และให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม  ร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ  ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายกลยุทธ์ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action   เน้นสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่คุณค่า   ตลอดจนตระหนักถึงคุณประโยชน์ของการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ   “วิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19  และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอกาศ  สะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และทรัพยากรธรรมชาติ   ซีพีเอฟตระหนักดีถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของทุกคนบนโลก”  นายวุฒิชัย กล่าว
3 มี.ค. World Wildlife Day  "ซีพีเอฟ" มุ่งมั่นร่วมปกป้องระบบนิเวศ สัตว์ป่า พันธุ์พืช และความหลากหลายทางชีวภาพ  
ภายใต้เป้าหมายความมุ่งมั่นปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และร่วมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก   ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป่าชายเลน  โครงการ ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง พื้นที่เขาพระยาเดินธง ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี  6,971 ไร่   และ โครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน  พื้นที่ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร  พื้นที่ ต.ปากน้ำประแส จ.ระยอง  และปัจจุบันขยายผลสู่จังหวัดตราด   โดยบริษัทฯมีการติดตามและประเมินผลโครงการอย่างต่อเนื่อง  และได้ร่วมกับคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ  เมื่อปี 2561 พบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 9 ชนิด นก 119 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 20 ชนิด และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 15 ชนิด เป็นฐานข้อมูลก่อนมีการเริ่มการฟื้นฟูป่าและในระหว่างปี  มีการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า (camera trap) เพื่อติดตามเก็บข้อมูลความสัมพันธ์ของสัตว์ป่ากับแหล่งอาหาร  พบสัตว์หลายชนิด อาทิ สุนัขจิ้งจอก แมวดาว อีเห็น  เป็นต้น   รวมทั้งนำนวัตกรรมมาใช้ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าเขาพระยาเดินธง ทำให้ผืนป่าสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าการปล่อยให้ฟื้นตัวเองตามธรรมชาติ
นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า ซีพีเอฟ ส่งเสริมให้คนในชุมชนอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน จากการใช้ประโยชน์จากป่าและมีส่วนร่วมดูแลป่า เป็นแหล่งอาหาร  ชุมชนมีรายได้จากการร่วมดูแลผืนป่า  มีการปรับปรุงแหล่งน้ำสำหรับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่  พร้อมกันนี้ ยังได้ปลูกฝังให้เด็ก เยาวชน และชุมชน รักและหวงแหนธรรมชาติ โดยเปิดพื้นที่ของโครงการฯ เป็นแหล่งเรียนรู้การฟื้นฟูป่า ซึ่งในปี 2563 จนถึงปัจจุบัน  มีหน่วยงานภาคเอกชน สถานศึกษา  ที่เข้ามาศึกษาดูงานกระบวนการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ และเยี่ยมชมโครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง   เช่น กลุ่มมิตรผล บมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น  บมจ.บ้านปู   กอ.รมน.ลพบุรี  เป็นต้น    นอกจากนี้    ซีพีเอฟ  ยังได้กำหนดนโยบายการจัดหาอย่างรับผิดชอบต่อโลก โดยร้อยละ 100  ของวัตถุดิบหลักมาจากพื้นที่ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า  อาทิ ข้าวโพด น้ำมันปาล์ม ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง  เป็นต้น  และร้อยละ 100  ของวัตถุดิบสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มา ทำให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ