ในมหกรรม MWC Barcelona 2021 คุณ Ryan Ding กรรมการบริหารของหัวเว่ยและประธานของ Carrier BG ได้กล่าวสุนทรพจน์หลักในหัวข้อ “Innovation: Lighting up the Future” หรือนวัตกรรมจุดประกายอนาคตสดใส โดยในการบรรยายนั้น คุณ Ding ระบุว่า นวัตกรรมด้าน ICT จะก้าวขึ้นเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่สำคัญ และมีมูลค่าก้าวกระโดดอย่างมากในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยเฉพาะนวัตกรรมในด้าน 5G ที่จะสร้างคุณค่ามหาศาลให้กับผู้ให้บริการ อุตสาหกรรม ICT และเศรษฐกิจโลก ตลอดจนสรรค์สร้างอนาคตที่สดใสให้กับทุกอุตสาหกรรม
มากกว่าแค่โทรคมนาคม: นวัตกรรมในอุตสาหกรรม ICT ก้าวขึ้นเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ
คุณ Ding กล่าวว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดสภาวะปกติใหม่ (New Normal) ซึ่งเศรษฐกิจดิจิทัลก้าวขึ้นมาเป็นแรงผลักดันให้กับเศรษฐกิจโลก โครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลกำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ คุณ Ding กล่าวว่า มูลค่าของ ICT อยู่เหนืออุตสาหกรรมโทรคมนาคม และมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกในภาพรวม
ในประเทศที่ 5G มีการพัฒนารวดเร็วขึ้นนั้น จะเห็นได้ว่ารายได้ของกลุ่มผู้ให้บริการขยายตัวเร็วขึ้น และประเทศเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ดีขึ้นในองค์รวม ยกตัวอย่างเช่นในประเทศจีนมีการติดตั้งสถานีฐาน 5G มากกว่า 820,000 แห่งในเวลาไม่ถึง 18 เดือน และผู้ให้บริการของจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 6.5% ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5.6% ในไตรมาสแรกของปีนี้ การพัฒนาอย่างรวดเร็วของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย 5G จะช่วยหนุนเศรษฐกิจในอีก 5 ปีข้างหน้าด้วยเม็ดเงินกว่า 1.9 ล้านล้านยูโร ซึ่งอุตสาหกรรม 5G ในเกาหลีใต้และยุโรปก็กำลังขยายตัวเช่นเดียวกับจีน
มากกว่าการเชื่อมต่อ: นวัตกรรม 5G ช่วยให้ธุรกิจของผู้ให้บริการประสบความสำเร็จ
เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT เป็นรากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลในยุค 5G ผู้ให้บริการจึงมีบทบาทสำคัญมากกว่าที่เคย คุณ Ding กล่าวว่า “ปัจจุบัน เป้าหมายหลักของผู้ให้บริการเครือข่าย 5G คือการบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจในตลาดหลัก 3 แห่ง ได้แก่ ผู้บริโภค บ้านพักอาศัย และอุตสาหกรรม ผ่านนวัตกรรมในการปรับใช้เครือข่าย การพัฒนาตลาด และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน” “ในตลาดผู้บริโภค 5G ไม่ได้หมายถึงแค่ความเร็วที่มากขึ้น แต่ยังนำประสบการณ์ใหม่ๆ และคุณค่าใหม่ๆ มาให้พร้อมกัน ซึ่งมีผู้ให้บริการบางรายประสบความสำเร็จในขั้นต้นแล้ว“
คุณ Ding กล่าวว่า มี 3 ขั้นตอนที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อให้ประสบความสำเร็จในตลาด 5GtoC ประการแรกคือการเร่งความเร็วในการใช้งาน 5G ด้วยการวางแผนเครือข่ายเป้าหมายและการลงทุนโดยอิงจากข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำในพื้นที่ที่มีมูลค่าสูง สถานการณ์สำคัญ และผู้ใช้ที่มีศักยภาพ ประการที่สองคือการเร่งย้ายผู้ใช้งาน 5G และประการสุดท้ายคือการสร้างโมเดลการกำหนดราคาที่ยืดหยุ่นและขับเคลื่อนด้วยมูลค่า
ปัจจุบัน 5G ถูกนำไปใช้ในโครงการมากกว่า 1,000 โครงการในกว่า 20 อุตสาหกรรม รวมถึงเหล็กและเหมืองแร่ ทำให้การผลิตมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการชาวจีนได้ดำเนินธุรกิจรุดหน้าไปอย่างมาก และกำลังใกล้เข้าสู่การประสบความสำเร็จในขั้นต้น ซึ่งจะขยายวงกว้างต่อไปในอนาคต
คุณ Ding กล่าวว่า “เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ให้บริการชาวจีนว่า ความสำเร็จของ 5GtoB ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ อันดับแรกคือการเลือกอุตสาหกรรมที่เหมาะสม ผู้ประกอบการควรเลือกอุตสาหกรรมเป้าหมายโดยพิจารณาจากปัจจัย 4 ประการ ได้แก่ ความต้องการ กำลังซื้อ ความสามารถในการขยายธุรกิจ และความเป็นไปได้ทางเทคนิค ประการที่สองนั้นคือการกำหนดขอบเขตของข้อเสนอของคุณ ผู้ให้บริการสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่ให้บริการการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์ หรือแม้แต่ผู้รวมระบบที่ให้บริการแบบบูรณาการเอ็นด์–ทู–เอ็นด์ บทบาทที่แตกต่างกันนี้ต้องการชุดทักษะที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมอบมูลค่าทางธุรกิจที่แตกต่างกัน ประการที่สามคือการออกแบบโมเดลธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่ นี่คือกุญแจสำคัญในขยายความสำเร็จของ 5GtoB ในวงกว้าง“
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความต้องการบรอดแบนด์ที่บ้านพักอาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงคุณประโยชน์ของ 5G FWA ที่ช่วยเร่งให้เกิดการใช้งานอย่างรวดเร็วและ O&M แบบไร้สัมผัส ผู้ประกอบการในตะวันออกกลางประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์โดยใช้ FWA เป็นยูสเคสหลักของ 5G
มากกว่าธุรกิจ: หัวเว่ยเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนตลอดทั้งอุตสาหกรรม
คุณ Ding กล่าวว่า “ความสำเร็จของ 5G ขั้นแรกนั้นต้องใช้เครือข่าย 5G ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้ และสิ่งนี้ได้ชี้นำถึงวิธีการที่หัวเว่ยเลือกสร้างสรรค์นวัตกรรม” ทั้งนี้ หัวเว่ยได้เปิดตัว Massive MIMO ซึ่งมีน้ำหนักเบาที่สุดและทรงพลังที่สุดในอุตสาหกรรมและกินพลังงานต่ำ โดยนวัตกรรมดังกล่าวสามารถติดตั้งได้โดยใช้คนเพียงคนเดียว ซึ่งทำให้การปรับใช้งานเครือข่ายรวดเร็วขึ้น ด้วย Optical Cross-Connect (OXC) ของหัวเว่ย ชั้นวางย่อยหนึ่งชั้นสามารถแทนที่ตู้ได้ 9 ตู้ โดยมีความจุมากกว่าถึง 4 เท่า แต่ใช้พลังงานน้อยกว่า 95% โซลูชัน 5G Super Uplink ของหัวเว่ยผสมผสานข้อดีของ 2.1 GHz และ 3.5 GHz เข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความจุอัปลิงค์ (Uplink) และความครอบคลุมในอาคาร โซลูชันนี้ให้อัตราอัปลิงค์สูงสุดกว่า 450 Mbit/s ทำให้ผู้ใช้หลายร้อยรายสามารถสตรีม Xiamen Marathon แบบสด ๆ ได้ในระดับ 4K ในเดือนเมษายนโดยใช้สมาร์ทโฟน 5G
เพื่อสนับสนุนโมเดลการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นกลางทางคาร์บอน คุณ Ding กล่าวว่า หัวเว่ยยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมใน 3 ระดับ ได้แก่ อุปกรณ์ ไซต์ และเครือข่าย ในระดับอุปกรณ์ หัวเว่ยใช้ส่วนประกอบที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงขึ้นเพื่อทำให้แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ในระดับไซต์ โซลูชันไซต์ที่เรียบง่ายของหัวเว่ยจะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถลดการใช้พลังงาน รวมทั้งประหยัดไฟฟ้าและค่าเช่า ส่วนในระดับเครือข่าย หัวเว่ยได้เปิดตัวโซลูชันประหยัดพลังงานแบบหลายแบนด์และหลาย RAT ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานในเครือข่ายไร้สายโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของเครือข่าย ด้วยโซลูชันนวัตกรรมของหัวเว่ย อุปกรณ์ 5G ที่ทำงานในย่านความถี่ต่ำและความถี่สูงสามารถแบ่งปันพื้นที่ร่วมกันได้ ส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยลง และหากพูดถึงการประหยัดพลังงานของอุปกรณ์แบบมัลติแบนด์แล้วนั้น เป้าหมายของหัวเว่ยคือการทำให้หนึ่งบวกหนึ่งน้อยกว่าหนึ่ง
ร่วมมือกันสร้างระบบนิเวศและพัฒนา 5G เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
คุณDingได้สรุปสาระสำคัญในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ โดยเน้นย้ำว่าการพัฒนา 5G จำเป็นต้องมีนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ใน 5GtoB มาตรฐาน 5G จำเป็นต้องสอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมในอัตราที่เร็วขึ้น และควรบูรณาการ 5G เข้ากับกระบวนการผลิตหลักขององค์กรเพื่อช่วยผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ในขณะเดียวกัน การผนึกกำลังระหว่าง 5G, คลาวด์ และการประมวลผลจะขยายขอบเขตของธุรกิจของผู้ให้บริการออกไป และสร้างพื้นที่สำหรับการเติบโตใหม่ นวัตกรรม 5G เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง ซึ่งหัวเว่ยเชื่อว่านวัตกรรมจะสร้างอนาคตที่สดใสให้กับทุกคน
Post Views: 314