ไนน์ เบซิล กองทุนไพรเวทอิควิตี้ชั้นนำเพื่อการลงทุนในตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศถึงความร่วมมือกับ แอรีส เอสเอสจี สองยักษ์ใหญ่แห่งบริษัทจัดการลงทุน ผนึกกำลัง เสริมความแข็งแกร่งให้มากขึ้นในตลาด ก้าวขึ้นครองตำแหน่งบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC แบบอิสระ และบริษัทบริหารหนี้ด้อยคุณภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของธนาคาร หรือรัฐบาล) โดยการผนึกกำลังกันครั้งนี้จะเป็นการรวมเอา ทีมบริหารที่ถือว่าเป็นทีมชั้นนำในธุรกิจนี้ กับทีมนักลงทุน ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหลายบริษัทที่เป็นผู้นำของแต่ละกลุ่มธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่เข้าด้วยกัน ซึ่งได้ตั้งเป้าถึงการนำ แอรีส เอสเอสจีเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายใน 1 ปี และจะกลายเป็นอีกหนึ่งบริษัท ที่นักลงทุนในตลาดต้องคอยจับตา
นายชวิณ เจียรวนนท์ ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหารกลุ่มบลูพริ้นต์ ฟอเรสต์ และกองทุนไนน์ เบซิล กล่าวว่า “เริ่มทีเดียว ทางไนน์ เบซิลนั้นอยากจะจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ของตัวเองขึ้น เนื่องมาจากเราเห็นโอกาส ในตลาดนักสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการซื้อเพื่อเก็งกำไร ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการการปล่อยสินเชื่อที่ไม่เคร่งครัดจากฝั่งธนาคารในประเทศไทย ซึ่งโอกาสในการลงทุนมีอยู่มากกว่า พันล้านบาทในตลาดนี้ และเมื่อเรามองดูว่าใครที่เป็นผู้นำของตลาด เราก็พบว่า ทาง ‘อัลฟาแคปปิตอล’ คือผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในแง่ทางการเงินของกลุ่มธุรกิจ การบริหารสินทรัพย์”
ในปี 2562 ทางไนน์ เบซิล และแอรีส เอสเอสจี บริษัทจัดการลงทุนทางเลือกด้านสินเชื่อและสินทรัพย์ในสถาน- การณ์พิเศษ ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้กลุ่มบริษัท แอรีส เมเนจเม้นท์ ซี่งเป็นบริษัทจัดการ ลงทุนทางเลือกชั้นนำระดับโลก ได้เห็นโอกาสเหมาะจึงได้จับมือร่วมกันลงทุนผ่านอัลฟาแคปปิตอล ซี่งเป็น บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการบริหารสินทรัพย์ เพื่อซื้อ จัดการและบริหารและจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพ ทีมผู้บริหารของอัลฟาแคปปิตอลนั้นต่างมีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทมาโดยเฉลี่ยกว่า 19 ปี และได้พาบริษัทผ่านวิกฤตทางการเงินของเอเชียมาแล้ว จนทำให้ระบบบริหารจัดการภายในของบริษัทนั้น แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
กล่าวว่า “เราคอยมองหา โอกาสในการลงทุนตลอดเวลา เมื่อธุรกิจกำลังมีปัญหาหรือธุรกิจที่เจ้าของนั้นกำลังมีปัญหานั้นเปิดขายสู่ตลาด และเมื่อเราได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนความปลอดภัยในการลงทุนที่เรารับได้ และเป็นธุรกิที่เรา มีความรู้ความชำนาญเราก็จะไม่ลังเลที่จะคว้าโอกาสนั้น”
การเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มผลตอบแทนของการลงทุนในตลาดหนี้ด้อยคุณภาพนั้นสามารถทำเป็นระบบและคำนวณถึงผลตอบรับได้ ซึ่งทำให้เรามั่นใจที่จะวางเงินลงทุนเพื่มไปอีกเพื่อให้บริษัทเติบโตมากขึ้น และเมื่อดู ขนาดของตลาดหนี้ด้อยคุณภาพในประเทศไทยแล้วตลาดนี้สามารถเติบโตและมีมูลค่าสูงขึ้นได้ถึงหลายพัน ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้ ไนน์ เบซิล เน้นการลงทุนในตลาดปิด และมีทีมผู้บริหารที่มุ่งมั่นในการนำให้บริษัทที่เข้าไปลงทุนเติบโตยิ่งขึ้น ผ่านการร่วมมือกันของกลุ่มกรรมการบริหาร ผู้ถือหุ้น และเครือข่ายธุรกิจของกลุ่มบลูพริ้นต์ ฟอเรสต์