พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ในนครหางโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน เปิดให้สาธารณชนเข้าชมแล้วในวันที่ 22 พฤศจิกายน พร้อมนำเสนอวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของจีนยุคโบราณอันวิจิตรงดงาม ในบรรดาราชวงศ์โบราณของจีน เมื่อพูดถึงความงามด้านโบราณวัตถุ สถาปัตยกรรม วรรณกรรม และศิลปะแล้ว ราชวงศ์ซ่งที่ย้อนกลับไปเมื่อกว่าพันปีที่แล้ว จัดเป็นราชวงศ์จีนโบราณที่ผู้เชี่ยวชาญและประชาชนชาวจีนกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง และหางโจวก็ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการศึกษาความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ซ่งอย่างไม่ต้องสงสัย  เนื่องจากหางโจว ซึ่งเป็นเมืองระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งใต้ โดยในปี พ.ศ. 1681 สมเด็จพระจักรพรรดิซ่งเกาจง หรือพระนามเดิม เจ้าโก้ว (Zhao Gou) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ซ่งใต้ ได้ตั้งเมืองหลวงขึ้นที่เมืองหลินอัน (ปัจจุบันคือหางโจว) ซึ่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของราชวงศ์ซ่งใต้ สร้างประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ด้านการพัฒนาเมืองโบราณในอดีตของจีน

เฉกเช่นเดียวกับแม่น้ำเฉียนถังที่ไหลผ่านเมือง วัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ของราชวงศ์ซ่งก็ได้หล่อเลี้ยงนครหางโจวเสมอมา ทำให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจและวัฒนธรรมอันเฟื่องฟู กว่า 800 ปีให้หลัง การเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาและการพัฒนาของชุมชนเมืองได้กลบมนต์เสน่ห์ของเมืองหลวงที่เคยเฟื่องฟูในสมัยราชวงศ์ซ่งลึกลงไปใต้ผืนดินnnนครหางโจวต้องการสถานที่ในการบอกเล่าเรื่องราวของราชวงศ์ซ่งใต้ให้กับผู้คนในปัจจุบัน คนในเมืองต่างอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ขุดค้นความลึกลับของประวัติศาสตร์ รวมทั้งสัมผัสความสง่างามและมนต์เสน่ห์แห่งยุคโบราณผ่านโบราณวัตถุอย่างเครื่องลายคราม อิฐ และกระเบื้องที่ถูกขุดค้น  พิพิธภัณฑ์พระราชวังเต๋อโซ่วแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ (The Museum of Deshou Palace of the Southern Song Dynasty) คือกุญแจสำคัญในการบอกเล่าเรื่องราววัฒนธรรมยุคโบราณสู่สาธารณชน  พระราชวังเต๋อโซ่วแห่งราชวงศ์ซ่งใต้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1705 โดยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิซ่งเกาจงภายหลังจากการสละราชสมบัติ ซึ่งสะท้อนภาพเมืองของจักรพรรดิในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ได้อย่างชัดเจน

สถานที่แห่งนี้เป็นโบราณสถานแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากที่สุดเท่าที่เคยมีการสำรวจและขุดพบในหางโจว รวมถึงเป็นหนึ่งในอาคารที่มีมาตรฐานทางพิธีกรรมสูงสุดของราชวงศ์ซ่งใต้ โดยครองตำแหน่งสำคัญทางสถาปัตยกรรมและสวนของจีนสมัยโบราณ แน่นอนว่าที่พำนักดั้งเดิมได้พังทลายไปตามกาลเวลาแล้ว พระราชวังเต๋อโซ่วถูกค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2527 การสำรวจทางโบราณคดีครั้งใหญ่ 4 ครั้งได้นำไปสู่การขุดค้นพบฐานพระราชวังขนาดใหญ่ ถนนอิฐ ฐานรากหิน ระบบระบายน้ำ และโบราณวัตถุอีกมากมาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นหลักฐานทางโบราณคดีเพื่อให้ผู้คนได้เห็นและสัมผัสรูปแบบของสวนและเทคโนโลยีการจัดสวนในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ การก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระราชวังเต๋อโซ่วแห่งราชวงศ์ซ่งใต้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563 หลังการก่อสร้างราวสองปี อาคารที่สง่างามแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่เก็บโบราณวัตถุ และด้านล่างเป็นห้องจัดแสดงโครงสร้างเดิมของโถงหลักของพระราชวัง

การบูรณะพื้นที่ใต้ดินเป็นไปตามลักษณะและขนาดดั้งเดิมโดยอ้างอิงจากการศึกษาข้อมูลในหนังสือเกี่ยวกับการก่อสร้าง ภาพวาด และการค้นพบทางโบราณคดีของราชวงศ์ซ่ง การบูรณะเชิงสัญลักษณ์นี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นที่จัดแสดงโครงสร้างของพระราชวังเก่า ช่วยให้ผู้คนสามารถชื่นชมความงามทางสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ได้อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น สวนสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้จำนวนมากยังได้รับการบูรณะและจัดแสดงในรูปแบบดิจิทัล  เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นสถานที่อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดพื้นที่จัดแสดงในรูปแบบดิจิทัล 10 จุด ผู้มาเยือนสามารถชมพระราชวังเต๋อโซ่วและสถาปัตยกรรมของพระราชวังในยุคต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์อินเทอร์แอคทีฟ 3 มิติ จอเลื่อนแบบยาว การฉายภาพดิจิทัล รวมถึงอุปกรณ์เออาร์ (AR) และวีอาร์ (VR)

ด้วยการผสมผสานอย่างเป็นธรรมชาติของสถานที่ดั้งเดิมและสื่อดิจิทัล ตลอดจนการตีความและการแสดงข้อมูลของสถานที่เชิงโต้ตอบอย่างดื่มด่ำสมจริง ความงดงามของสถาปัตยกรรมและสวนสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ที่ผ่านการบูรณะจึงถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร้ที่ติเป็นครั้งแรกของจีนด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง ทุกวันนี้ กลิ่นอายของวัฒนธรรมซ่งอวิ๋น (Song Yun Culture) แฝงอยู่ทั่วทุกมุมของเมือง ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณและชีวิตของผู้คนท้องถิ่น  ไม่ว่าจะเป็นการจุดเครื่องหอม การชงชา การแขวนรูปภาพตามอาคารบ้านเรือน หรือการจัดสวนดอกไม้ ซึ่งเป็นกิจกรรมยามว่างทั้ง 4 ที่อู๋จือมู่ (Wu Zimu) กวีสมัยราชวงศ์ซ่งกล่าวถึงในหนังสือที่บรรยายวิถีชีวิตในหางโจวสมัยโบราณ ยังคงสามารถพบเห็นได้ในทุกวันนี้ ขณะที่เนื้อหมูตงพอ เค้กเนย และเค้กติงเซิง ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งรสชาติของเมือง นอกจากนั้นยังมีเหล้าหงฉู ทักษะการทำเหล้าแบบซ่งใต้ ทักษะการทอผ้าหางโจว และอีกมากมาย การแสวงหาสุนทรียภาพในชีวิตของชาวซ่งได้ผสานรวมเข้ากับวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน สร้างจุดเชื่อมทางวัฒนธรรมของผู้คนในท้องถิ่น

อเลน เดอ บัตตัน (Alain de Botton) นักเขียนชาวอังกฤษ กล่าวไว้ว่า การที่เราพูดว่าเก้าอี้หรือบ้านนั้น “สวย” เรากำลังบอกว่าเราชอบวิถีชีวิตที่สิ่งเหล่านี้นำมาสู่เรา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เนื่องจากสามารถบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์และแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านการเมือง วัฒนธรรม ศิลปะ และความงามแห่งชีวิตในช่วงเวลานั้น สภาพแวดล้อมทางสังคมของราชวงศ์ซ่งใต้ได้สร้างแนวคิดและวิถีชีวิตแบบตะวันออก อีกทั้งยังสร้างมาตรฐานด้านความงามแบบตะวันออกอีกด้วย เสน่ห์ที่ยังคงอยู่คู่เมืองแห่งนี้ได้หล่อเลี้ยงหางโจวและชีวิตผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน

กว่า 800 ปีมาแล้ว หางโจวได้เป็นสักขีพยานของความเจริญด้านศิลปะและวัฒนธรรม ตลอดจนความรุ่งเรืองและวิถีชีวิตที่งดงามของผู้คนในท้องถิ่น หลังผ่านกาลเวลานานกว่า 800 ปี บรรยากาศทางสังคมที่เปิดกว้าง เปิดรับความแตกต่าง และล้ำสมัย ยังคงแข็งแกร่งจนถึงปัจจุบัน ด้วยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่ยาวนานกว่า 1,000 ปี วัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ของราชวงศ์ซ่งได้กลายเป็นบันทึกทางจิตวิญญาณของความฝันในการพัฒนาประเทศจีนให้ทันสมัยในแบบฉบับของหางโจว เพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน  หากมีโอกาสมาเยือนนครหางโจว นอกจากการเดินเล่นริมทะเลสาบซีหู (West Lake) แล้ว ห้ามพลาดการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระราชวังเต๋อโซ่วแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ โดยผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมและวิถีชีวิตของคนหางโจวผ่านภาพวาดสมัยราชวงศ์ซ่งอันสวยสดงดงาม เครื่องเคลือบดินเผาที่วิจิตรบรรจง รวมถึงแสงเงาที่มีชีวิตชีวา

ที่มา: พิพิธภัณฑ์พระราชวังเต๋อโซ่วแห่งราชวงศ์ซ่งใต้