อย. เดินหน้า ลุยร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภค ผลการตรวจค้นพบโรงงานผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเถื่อนไม่ขออนุญาต ซ้ำยังพบว่าเป็นเครือข่ายของบริษัทดังที่ผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อ Lyn จนทำให้มีผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังพบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ไม่มีเลขที่จดแจ้ง และโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงทางสื่อออนไลน์ มูลค่าของกลางที่ยึดได้กว่า 10 ล้านบาท เตรียมดำเนินคดีกับผู้ผลิตทันที เตือนผู้ขายอย่าได้ลักลอบผลิต/จำหน่าย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และเครื่องมือแพทย์ที่ผิดกฎหมาย เพราะ อย. ได้มีการเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างเข้มงวด แนะก่อนซื้อผลิตภัณฑ์เช็คข้อมูลก่อนได้ที่ App อย.

ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก. ปคบ.) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วย เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก 4.บก.ปคบ.) นำทีมโดย พลตำรวจตรี
ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค พร้อมด้วย พันตำรวจเอกวินัย วงษ์บุบผา รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค พันตำรวจเอก
ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดย

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยี่ห้อ LANO BY GLUTA COLLA เลขสารบบอาหาร 13-1-05459-5-0024 เนื่องจากตรวจสอบไม่พบข้อมูล
การได้รับอนุญาตจาก อย. จึงขอให้ดำเนินการตรวจสอบนั้น อย. รุดตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าบริษัทดังกล่าวขาดต่ออายุไปแล้ว ต่อมา อย. ได้มีการสืบหาข้อเท็จจริงจึงได้นำไปสู่การออกหมายค้น เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 49/14-15 และ 49/777 หมู่บ้านอรุณธร แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ซึ่งพบสถานที่ผลิตอาหารลักษณะเข้าข่ายเป็นโรงงานผลิตอาหารไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังพบวัตถุดิบ เครื่องมือเครื่องจักร และอุปกรณ์การผลิตอาหาร รวมทั้งภาชนะบรรจุที่ฉลากระบุสถานที่ผลิตเป็นบริษัท ฟู้ดซายน์ ซัพพลาย เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่ได้มาดำเนินการยื่นต่ออายุใบอนุญาต และพบว่าผู้ผลิตได้สั่งซื้อวัตถุดิบและภาชนะบรรจุจากบริษัทดังกล่าว

รวมทั้งภาชนะบรรจุมาทำการผลิต/แบ่งบรรจุ ณ สถานที่ดังกล่าว โดยไม่ได้ขออนุญาตผลิตอาหารแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ตรวจพบ เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อหาการปลอมปนยาแผนปัจจุบันต่อไป นอกจากนี้จากการตรวจสอบ ยังพบ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอสเคบี 1 เลขสารบบอาหาร 13-1-205459-5-0163 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ชุดทดสอบเบื้องต้น Sibutramine ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลปรากฎว่าพบการปลอมปนยาแผนปัจจุบัน Sibutramine ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวส่งตรวจวิเคราะห์ เพื่อยืนยันต่อไป

ในส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารเข้าข่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ดังนี้

  1. กรณีตั้งโรงงานผลิตอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. กรณีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และ เข้าข่ายเป็นอาหารที่มีการแสดงฉลากเพื่อลวงหรือพยายามลวงให้เข้าใจผิดในเรื่อง สถานที่ผลิต จัดเป็นอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 10 ปี และ ปรับตั้งแต่ 5,000 บาท – 100,000 บาท
  3. กรณีหากผลการตรวจวิเคราะห์ตรวจพบยาแผนปัจจุบัน จะเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
  4. กรณีหากตรวจพบยาแผนปัจจุบันไซบูทรามีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 กรณีผลิต นำเข้า หรือส่งออก ผลิตภัณฑ์ที่มีไซบูทรามีนเป็นส่วนผสม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 -20 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 –2,000,000 บาท หากขายมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และ ปรับตั้งแต่ 400,000 – 2,000,000 บาท

ทางด้านเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวต่อไปว่า นอกจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้ว ยังพบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ตรวจค้นจากสถานที่ดังกล่าวยังพบอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง และจากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง พบการผลิตเครื่องสำอางไม่จดแจ้ง ผลิตเครื่องสำอางปลอม เนื่องจากมีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง โดยแสดงแหล่งผลิต และเลขที่จดแจ้ง ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง

ในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเข้าข่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ดังนี้

  1. กรณีผลิตเครื่องสำอางไม่จดแจ้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. กรณีผลิตเครื่องสำอางที่มีการแสดงฉลากแจ้งชื่อผู้ผลิต หรือแหล่งผลิตที่มิใช่ความจริง จัดเป็นเครื่องสำอางปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพบมีการแสดงว่าเป็นเครื่องสำอางที่จดแจ้งไว้ซึ่งมิใช่ความจริง จัดเป็นเครื่องสำอางปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  3. กรณีขายเครื่องสำอางที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง โดยฉลากไม่มีข้อความภาษาไทย และมีการแสดงข้อความไม่ครบถ้วน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ อย. ยังได้ขยายผล ร่วมกับ บก.ปคบ. ตรวจสอบพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ และ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ได้แก่ 1. แผ่นแปะสะดือเผาผลาญไขมัน ขายเกลื่อนตามสื่อออนไลน์ อวดอ้างสรรพคุณทำนองช่วยปรับสมดุลของขบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายช่วยสลาย ไขมัน…ขับไขมันออกจากร่างกาย ระบุวิธีระบุวิธีใช้โดยการแปะลงบนสะดือ เพื่อลดน้ำหนักตามต้องการ การโฆษณาแผ่นแปะสะดือเผาผลาญไขมัน ดังกล่าวเป็นการโฆษณาเข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 ซึ่งผู้ผลิตหรือนำเข้า จะต้องจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตหรือ นำเข้า ยื่นขอผลิตและนำเข้าเครื่องมือแพทย์และขออนุญาตโฆษณากับ อย. ก่อน จึงจะสามารถเผยแพร่ได้ ซึ่ง อย. ได้ดำเนินการตรวจสอบฐานข้อมูล ผลิตภัณฑ์ แต่ไม่พบการยื่นคำขออนุญาตผลิตหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแต่อย่างใด ในส่วนของการโฆษณาผลิตภัณฑ์แผ่นแปะสะดือเผาผลาญไขมันเข้าข่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ดังนี้ ผู้ประกอบการที่ไม่จดทะเบียนสถานประกอบการนำเข้า เครื่องมือแพทย์ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากนำเข้าเครื่องมือแพทย์โดยไม่มีหนังสือประกอบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โฆษณาเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  1. ผลิตภัณฑ์ สบู่นมเด้ง (สบู่นมตึงจนผัวทัก) อวดอ้างสรรพคุณทำนองว่า เพิ่มเนื้อนมให้ดูอวบอิ่มผิวขาวกระจ่างใส ข้อความลักษณะดังกล่าวนี้ ถือเป็นข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินจริง และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง เป็นข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค เนื่องจากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สำหรับภายนอกร่างกาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความสะอาดและความสวยงามเท่านั้น โดยไม่ได้มีผลต่อการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือทำหน้าที่ใด ๆ
    ของร่างกาย การโฆษณาดังกล่าวจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติ เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุก
    ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากเป็นการผลิตหรือนำเข้าเครื่องสำอางโดยไม่ได้จดแจ้ง ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือ
    ทั้งจำทั้งปรับ และ ผู้ขายต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. เตรียมดำเนินคดีกับผู้ผลิตทันที ย้ำเตือนผู้ขายอย่าได้ลักลอบผลิต/จำหน่าย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และเครื่องมือแพทย์ที่ผิดกฎหมาย เพราะ อย. ได้มีการเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างเข้มงวด ในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางขอเตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อโฆษณาแผ่นแปะสะดือเผาผลาญไขมัน และ ผลิตภัณฑ์สบู่นมเด้ง (สบู่นมตึงจนผัวทัก) เพราะอาจได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไม่ได้แสดงปริมาณและส่วนประกอบที่ชัดเจน และส่วนผสมของกาวแปะ อาจทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคืองได้ หากแปะไว้นานเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแพ้ตั้งแต่น้อย ๆ เป็นผื่นแพ้คัน หรืออาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพก่อนการเลือกซื้อได้ที่ Application “ตรวจเลข อย.” ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารที่ช่วยเข้าถึงมือผู้บริโภคได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว เป็นการสร้างความมั่นใจเบื้องต้นให้กับผู้บริโภค ทั้งนี้ อย. ได้มีการตรวจสอบเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างใกล้ชิด หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail:[email protected] หรือตู้ ปณ.1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือผ่านทาง Oryor Smart Application หรือ Line @FDAthai หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อ อย. จะทำการตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดต่อไป