กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนระวังภัยเงียบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งสามารถถ่ายทอดเชื้อสู่ผู้อื่นได้ และนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ โดยโรคดังกล่าวยังเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ หากประชาชนมีพฤติกรรมเสี่ยงขอให้เข้ารับบริการตรวจคัดกรองและรับการรักษาโดยเร็ว พร้อมตั้งเป้ากำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีให้หมดไปภายในปี 2573

วันนี้ (7 สิงหาคม 2564) นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไวรัสตับอักเสบถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ กรมควบคุมโรคเล็งเห็นความสำคัญโรคไวรัสตับอักเสบ จึงได้กำหนดให้มีการรณรงค์วันตับอักเสบโลกประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 19 ก.ค.-30 ก.ย.64 ภายใต้หัวข้อ “Hepatitis can’t wait : โรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ตรวจเร็ว รักษาเร็ว รอไม่ได้” โดยเน้นการสื่อสารให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี สร้างความตระหนักในการป้องกันตนเอง

กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนระวังภัยเงียบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ อาจนำไปสู่ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับ พร้อมตั้งเป้ากำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีให้หมดไปภายในปี 2573สถานการณ์ของโรคตับอักเสบทั่วโลก จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังประมาณ 257 ล้านคน และผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ประมาณ 71 ล้านคน สถานการณ์ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ประมาณ 2.2-3 ล้านคน และผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ประมาณ 8 แสนคน พบมากในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และพบอัตราการเสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

โรคไวรัสตับอักเสบ บี และซี สามารถติดต่อผ่านทางเลือดและสารคัดหลั่ง การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย สำหรับโรคไวรัสตับอักเสบบี สามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกได้ ทั้งนี้ โรคไวรัสตับอักเสบบี มีวัคซีน ในการป้องกัน หากมีพฤติกรรมเสี่ยงให้รีบไปตรวจคัดกรองโดยเร็ว สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ควรรีบมาฝากครรภ์ และรับการตรวจหาโรคไวรัสตับอักเสบบี เพื่อลดการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันได้มีการใช้วัคซีนเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในเด็กแรกเกิดทุกคน เพื่อป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี แต่สำหรับประชาชนที่เกิดก่อนปี 2535 ควรตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคไวรัสตับอักเสบบี หากไม่มีภูมิคุ้มกัน แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี ให้ครบชุด จำนวน 3 เข็ม ซึ่งจะป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ ส่วนโรคไวรัสตับอักเสบซี ไม่มีวัคซีนในการป้องกัน แต่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการทานยาต้านไวรัสให้ครบ 12 สัปดาห์ ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ควรเข้ารับบริการตรวจคัดกรองและรักษาโดยเร็ว

นายแพทย์ปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรค ร่วมกับสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีในกลุ่มประชาชนทั่วไป โดยสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบ บีและซี ได้ฟรี ณ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการการกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบซี โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการคัดกรองไวรัสตับอักเสบซีในกลุ่มประชาชนทั่วไป ส่วนมาตรการกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบี ได้ดำเนินโครงการนำร่องการกำจัดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากแม่สู่ลูก พร้อมทั้งผลักดันสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมการตรวจประเมินโรคไวรัสตับอักเสบบีและให้ยาต้านไวรัสในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกให้ครอบคลุมทั้งประเทศ

ทั้งนี้ หากประชาชนมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ให้เข้ารับการคัดกรองและเข้าสู่ระบบริการรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ภาวะตับแข็ง และโรคมะเร็งตับ เพื่อนำไปสู่การกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีให้หมดไปภายในปี 2573 สอมถามเพิ่มเติมได้ที่กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โทร.0 2590 3241 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422