กรุงเทพมหานคร พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานสัปดาห์เมืองพี่เมืองน้อง ประจำปี 2562 ( Sister Cities Week 2019) ภายใต้แนวคิดการสานสัมพันธ์อันยั่งยืนและมั่นคงกับเมืองในต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี เพื่อส่งเสริมศักยภาพการพัฒนากรุงเทพมหานครและความร่วมมือตามกรอบความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้อง เผยมีเมืองพี่เมืองน้องตอบรับเข้าร่วมจำนวน 18 เมือง รวม 180 คนชวนคนกรุงร่วมกันเป็นเจ้าภาพต้อนรับคณะผู้แทนจากเมืองพี่เมืองน้องสู่กรุงเทพมหานคร

นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานในพิธีแถลงข่าว การจัดงานสัปดาห์เมืองพี่เมืองน้อง ประจำปี 2562 ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความเป็นมา การจัดงานสัปดาห์เมืองพี่เมืองน้อง ว่า ตามที่กรุงเทพมหานครได้สถาปนาความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้อง และความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเมืองใหญ่ต่างๆ จำนวน 35 เมือง 1 มณฑล จาก 19 ประเทศ ดำเนินกิจกรรมตามกรอบความสัมพันธ์มาอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนผลักดันให้เกิดการพัฒนาการบริหารจัดการของกรุงเทพมหานครในรูปแบบต่างๆ ที่ทันต่อเหตุการณ์ และกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมในภาพรวมกับประชาชนของเมือง เกิดการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงวิชาการ นวัตกรรม ศิลปวัฒนธรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ สร้างบรรยากาศที่ดี และภาพลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร นำไปสู่เป้าหมายในการเป็นมหานครแห่งเอเชีย ตามวิสัยทัศน์ในการพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี และปีนี้กรุงเทพมหานครก็ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานสัปดาห์เมืองพี่เมืองน้องประจำปี 2562 ( Sister Cities Week 2019) ระหว่างวันที่ 27มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2562 ภายใต้แนวคิดการสานสัมพันธ์อันยั่งยืนและมั่นคงกับเมืองในต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี เพื่อส่งเสริมศักยภาพการพัฒนากรุงเทพมหานคร และความร่วมมือตามกรอบความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้อง

นายเกรียงยศ กล่าวต่อว่า สำหรับวัตถุประสงค์การจัดงาน นอกจากช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเมืองพี่เมืองน้องกับกรุงเทพมหานครให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแล้ว กรุงเทพมหานครหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะช่วยส่งเสริมกิจกรรมในภาพรวมในระดับประชาชนของเมืองอีกทั้งยังเป็นเวทีสำหรับกรุงเทพมหานครและเมืองที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ได้มีโอกาสเผยแพร่การดำเนินงานผ่านการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นของแต่ละเมือง รวมถึงการจัดทำบันทึกความเข้าใจในเนื้อหาเฉพาะด้าน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่าง ผู้ปฏิบัติเฉพาะด้านในการพัฒนาเมืองร่วมกัน และเป็นการขยายบทบาทในด้านต่างประเทศและเวทีระดับโลกเพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียภายในปี พ.ศ.2575 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยภายในงานมีการลงนามบันทึกความร่วมมือเฉพาะด้าน การจัดนิทรรศการภาพถ่าย กิจกรรมทางวัฒนธรรมผ่านการแสดงของเมืองพี่เมืองน้อง และเยาวชนของกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ มีเมืองพี่เมืองน้องของกรุงเทพมหานครตอบรับเข้าร่วมการจัดงานจำนวน 18 เมือง รวม 180 คน ได้แก่ กรุงโซล และเมืองแตกู สาธารณรัฐเกาหลี กรุงปักกิ่ง มณฑลชานตง นครเซี่ยงไฮ้ นครเฉิงตู นครเทียนจิน นครอู่ฮั่น เมืองต้าเหลียน และเมืองแต้จิ๋ว สาธารณรัฐประชาชนจีน จังหวัดฟูกูโอกะ และจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เมืองปอร์โต้ สาธารณรัฐโปรตุเกส นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย กรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และกรุงนูร์-สุลต่าน สาธารณรัฐคาซัคสถาน ซึ่งแต่ละเมืองส่งคณะผู้บริหาร นักแสดงศิลปวัฒนธรรม พร้อมเตรียมชุดการแสดงศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมาย มาโชว์ให้คนไทยได้ รวมถึงมีการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย ให้ได้ชมกันอีกด้วย

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครได้จัดการศึกษาดูงานการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางราง ณ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง – บางแค โดยเป็นรถไฟฟ้าสายแรกที่มีการขุดเจาะทางวิ่งลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อแสดงศักยภาพของเมืองผ่านความเชื่อมโยงเครือข่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน และเยี่ยมชมมิวเซียมสยาม เพื่อเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิตและภูมิปัญญาของไทย รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมาย

“เชื่อมั่นว่าการจัดงานดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้เกิดความร่วมมือและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเมืองพี่เมืองน้องกับกรุงเทพมหานครต่อไป และในโอกาสนี้ กรุงเทพมหานคร ขอเชิญชวนประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร สื่อมวลชน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมงานสัปดาห์เมืองพี่เมืองน้อง ประจำปี 2562 และร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับคณะผู้แทนจากเมืองพี่เมืองน้องสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยรอยยิ้มและไมตรีจิตเพื่อสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจแก่แขกผู้มาเยือน ซึ่งจะเดินทางมาร่วมงานระหว่างวันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2562 ณ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร” นายเกรียงยศ กล่าวทิ้งท้าย