เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน และ คณะกรรมการบริหาร ให้การต้อนรับ นายสนั่น  อังอุบลกุล  ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะ

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวถึงความสำคัญของเศรษฐกิจจีน ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย หลังโควิด-19  นอกจากนี้ ประเทศจีน ยังเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย เป็นเวลา 9 ปี ติดต่อกัน การค้าระหว่างไทยและจีน ช่วง 4 แรกของปีนี้ (มกราคม-เมษายน 2565) มีมูลค่า 34,574 ล้านเหรียญสหรัฐ  ขยายตัว 9.90% การส่งออก ขยายตัว 0.88% ส่วนการนำเข้าขยายตัว 14.94%  ประเทศไทยจึงเป็นฝ่ายขาดดุลการกับจีน  เฉพาะช่วงเดือนเมษายน 2565 การส่งออกของไทยไปจีนหดตัว 7.2% เป็นผลกระทบจากมาตรการ Zero COVID ของจีน  และคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเดือนต่อมา

นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล

นายณรงค์ศักดิ์  กล่าวเสริมว่า หากพิจารณาการค้าระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกอาเซียน แล้วประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 (อันดับ 1 คือ เวียดนาม และอันดับ 2 คือ มาเลเซีย) ส่วนการลงทุนของจีนในอาเซียนนั้น ไทยอยู่ในอันดับ 6  (อันดับ 1 สิงคโปร์/ อันดับ 2 อินโดนีเซีย/ อันดับ 3 มาเลเซีย/ อับดับ 4 เวียดนาม/ อันดับ 5 ลาว)

ดังนั้น หอการค้าไทย-จีน และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรภาคเอกชนที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ  จะสามารถร่วมมือผลักดันกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันการส่งออกไปจีนให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยลดการขาดดุลการค้ากับจีน  พร้อมทั้งดึงดูดการลงทุนของจีนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย นายณรงค์ศักดิ์  กล่าว

ในการนี้ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการศึกษาวิจัยการลงทุนของจีนในประเทศไทย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับสถานทูตจีน เพื่อจะได้ทราบถึงปัจจัยสำคัญของนักลงทุนจีนในการที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย คาดว่าผลการศึกษานี้แล้วเสร็จ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ในการกำหนดนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่อไป

นายสนั่น อังอุบลกุล

นอกจากนี้ นายสนั่น เชิญชวนบริษัทจีนขนาดใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย สามาถส่งผู้บริหารเข้าร่วมอบรม     “หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านองค์ความรู้และความร่วมมือทางธุรกิจจีน (Top Executive Program on China Business Insights and Network : TEPCIAN) รุ่นที่ 2”  เปิดโอกาสให้ผู้บริหารของบริษัทจีนเหล่านั้น ได้เข้ามาเรียนรู้แบ่งปันประสบการณ์และเสริมสร้างเครือข่ายกับนักธุรกิจไทยและผู้บริหารจากหน่วยงานราชการต่างๆ

ในการนี้ ทั้งสองหน่วยงานหารือแลกเปลี่ยนความเห็นและแบ่งปันข้อมูล ประเด็นต่างๆ เช่น การขี้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว  การอำนวยความสะดวกการทำธุรกิจในประเทศไทย เช่น การขอใบอนุญาตทำงาน  การนำเข้าปุ๋ยเคมีภัณฑ์  และการร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ เป็นต้นไป