บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) (ชื่อหุ้น: JUBILE) ผู้นำธุรกิจเครื่องประดับเพชรแท้อันดับหนึ่งของเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ “ยูบิลลี่ ไดมอนด์” เพชรแท้คุณภาพระดับ World class ประกาศความสำเร็จผลประกอบการไตรมาส ปี 2565 ด้วยยอดขาย 424 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 60และ 130% ตามลำดับ พร้อมลุยขยายเพิ่มสาขาให้ครอบคลุมทั่วไทย ล่าสุดเดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจส่งท้ายปลายปีปรับโฉมโปรแกรมสมาชิก The Sparkling Club พร้อมอัดฉีดสิทธิประโยชน์เอาใจลูกค้าสมาชิก และเตรียมพร้อมจัดเต็มเปิดตัวคอลเลกชันใหม่และอีเว้นท์ใหญ่ส่งท้ายปี มั่นใจยอดขายปี 65 ทะลุเป้า 15% 

นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปี 2565 Jubilee ทำผลงานได้ดีทั้งยอดขายและกำไรที่สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่มีอย่างต่อเนื่องทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งได้วางกลยุทธ์กิจกรรมที่เหมาะสม และตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างครอบคลุม โดยมีการนำ Data มาใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการตลาดทำให้สามารถลงลึกถึงความต้องการและพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเทรนด์ความนิยมในการซื้อและสะสมเพชรที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากราคาเพชรไม่ผันผวนหรือขึ้นลงเหมือนกับทองคำ จึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ทั้งหมดจึงเป็นแรงสนับสนุนให้ Jubilee สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่นทั้งยอดขายและกำไรในไตรมาสที่ผ่านมา  โดยไตรมาส 3 ปี 2565  มียอดขายรวม 424 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 159 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% และมีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 130% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2564 ส่งผลให้ในภาพรวม 9 เดือน บริษัทมียอดขายและกำไรรวมที่สูงสุดในประวัติการณ์ของบริษัทคือมียอดขายรวม 1,311 ล้านบาทและกำไรเบ็ดเสร็จรวม 233 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่มาจากยอดขายจากสาขาที่ได้รับแรงหนุนจากการจัดกิจกรรมการตลาด โปรโมชัน และการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ และงานกิจกรรมต่าง ๆ อีกทั้งยังจัดงานใหญ่ Jubilee Diamond The Biggest Midyear Grand Sale 2022 ที่ต่อเนื่องจากไตรมาส 2 คาบเกี่ยวมายังไตรมาส 3 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ธุรกิจต่างต้องเผชิญกับปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อยอดขายและกำไร ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่มีการปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบ แต่ Jubilee ยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้สูงกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 47 จากการควบคุมต้นทุนด้วยการบริหาร Product mix ที่มีประสิทธิภาพ  รวมถึงกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ Jubilee สามารถสร้างยอดขายได้อย่างโดดเด่นทุกไตรมาสแม้ไม่ใช่ช่วง High Season คือ การกระตุ้นตลาดและการซื้อของลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายในหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งการเพิ่มความแม่นยำตรงใจลูกค้าด้วยการยกระดับกลยุทธ์ Customer Centric ที่ผสานแนวคิด Digital Transformation โดยนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจ อย่าง โปรแกรม CRM (Customer Relationship Management) เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นตัวช่วยในการขยายฐานลูกค้า ด้วยสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นของ The Sparkling Club โฉมใหม่ รวมถึงการต่อยอดความสำเร็จด้วยกลยุทธ์การจับมือกับพันธมิตร โดยล่าสุด Jubilee จับมือ LINE FRIENDS เปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ Jubilee LINE FRIENDS Collection 2022 “Petite Sweets Friends ” ที่ได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี

นางสาวอัญรัตน์ กล่าวถึง แผนธุรกิจในไตรมาส 4 ที่ถือเป็น High Season ว่า เราเชื่อว่าไตรมาส 4 ปีนี้จะสามารถทำยอดขายและกำไรได้ตามเป้าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดได้คลี่คลายลงแล้ว ผู้คนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งทาง Jubilee ได้เตรียมการสำหรับการจัดอีเว้นท์ใหญ่กระตุ้นยอดขายปลายปี พร้อมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ที่เชื่อว่าจะถูกอกถูกใจลูกค้าเช่นเคย  นอกจากนี้ยังได้เผยว่าบริษัทมีแผนการลงทุนเพิ่มเติมสำหรับการขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาที่มีศักยภาพให้มีพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถรองรับและสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจกับลูกค้า  อาทิเช่น การปรับโฉมร้านแฟล็กซิพ Jubilee of Siam สีลม โฉมใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการได้อย่างน่าประทับใจ และสาขาใหม่ ณ ศูนย์การค้า Terminal 21 พระราม 3 แห่งใหม่ ในเดือนตุลาคม เพื่อรองรับกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัวหลังการเปิดประเทศทั้งสำหรับผู้อยู่อาศัยในระแวกนั้นและเหล่านักท่องเที่ยว

ปัจจุบันแม้จะเป็นช่วงเทศกาลปลายปี แต่ยังคงมีความเสี่ยงเรื่องของสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่อาจได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและเงินบาทที่อ่อนค่า แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากมีการประกาศโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ อาทิ ช็อปช่วยชาติ หรือ ช็อปดีมีคืน เพื่อลดหย่อนภาษี จะเป็นปัจจัยบวกช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและมีผลดีต่อเศรษฐกิจและธุรกิจอย่างแน่นอน ประกอบกับกลยุทธ์การขายและการตลาดของบริษัทที่ได้วางแผนไว้ เชื่อว่า จะสามารถทำให้ผลประกอบการปีนี้ของบริษัทเติบโตทะลุ 15% อย่างแน่นอน