กรุงเทพฯ  : TPIPL ประสบความสำเร็จจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุดให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน สะท้อนความมั่นใจของผู้ลงทุนที่มีต่อโอกาสของธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและอาเซียน นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์รวมทั้งผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ ธุรกิจโพลีเมอร์ชนิดพิเศษ (Specialty Polymer) ธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ และธุรกิจโรงไฟฟ้า (ผ่านบริษัทย่อย) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวนรวม 3 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.25% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 4 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.32% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ในระหว่างวันที่ 9-11 และ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่า หุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ทำให้สามารถปิดการขายตามเป้าหมายที่วางไว้   “บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนที่มอบความไว้วางใจและให้การสนับสนุนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ต้องขอบคุณสถาบันการเงินผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ทำให้การจองซื้อเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ สำหรับปัจจัยที่ทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนนั้น เชื่อว่า นอกจากผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสมแล้ว การที่หุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน “กลุ่มระดับลงทุน” จากทริสเรทติ้ง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPIPL กล่าว

‘ทีพีไอ โพลีน’ เผยจำหน่ายหุ้นกู้ 3 ชุด ได้ตามเป้าหมาย สะท้อนความมั่นใจผู้ลงทุน พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ สร้างโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ หุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB+” ซึ่งเป็นกลุ่มระดับลงทุน (Investment Grade) แนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2565 โดยทริสเรทติ้ง ระบุว่า แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเปลี่ยนธุรกิจโพลีเมอร์ (Polymer) ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและอัตรากำไรที่ดีขึ้นของธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่งอัตรากำไรจากธุรกิจปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นสูงนั้น เป็นผลมาจากการปรับปรุงเครื่องจักรและคุณภาพของผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างเพื่อเป็นการลดคาร์บอนไดออกไซด์และลดต้นทุน จากการทดแทนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินด้วยขยะชุมชนที่บริษัทฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งบริษัทฯ ยังจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะทำให้ มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ต่อเนื่องไปถึงปี 2566 ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียนและของโลกพัฒนา  ปัจจุบัน บมจ. ทีพีไอ โพลีน และบริษัทในเครือประกอบธุรกิจหลัก แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ (1) ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ ปูนเม็ด ปูนสำเร็จรูป คอนกรีตผสมเสร็จ กระเบื้องคอนกรีตไฟเบอร์ซีเมนต์ อิฐมวลเบา และสี เป็นต้น (2) ธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายโพลีเมอร์ชนิดพิเศษ (Specialty Polymer) กาวน้ำ (EVA Emulsion) กาวผง (EVA Powder) ฟิล์ม Polene Solar ฟิล์ม Vista Solar และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ แอมโมเนียมไนเตรท และกรดไนตริก เป็นต้น (3) ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งบริษัทฯ กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เช่นเชื้อเพลิงขยะ โรงไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนทิ้ง โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังลม โรงงานแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิงทดแทน โรงงานผลิตเชื้อเพลิงเหลว สถานีให้บริการน้ำมัน/ก๊าซธรรมชาติ (NGV)  โรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรม  รวมทั้งกลุ่มแบตเตอรี่ไฟฟ้า รถไฟพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (EV TRAINS) และรถไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (EV Cars)

 (4) ธุรกิจการเกษตรและอื่น ๆ ประกอบด้วย (4.1) ผลิตภัณฑ์สำหรับพืช ได้แก่ ปุ๋ยชีวะอินทรีย์ สารปรับปรุงสภาพดิน (4.2) ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ ได้แก่ สารเสริมชีวนะ สำหรับปศุสัตว์และประมง (4.3) ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้แก่ Bio Knox สำหรับชงดื่มเพื่อกำจัดเชื้อก่อโรค น้ำยาบ้วนปาก ผลิตภัณฑ์ไมโครมน็อคโซลูชั่น สำหรับพ่นบริเวณที่อยู่อาศัยเพื่อกำจัดเชื้อก่อโรค สบู่เหลว เป็นต้น รวมถึง น้ำดื่มตราทีพีไอพีแอล