รายงานแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าล่าสุดของคันทรี่ การ์เด้น ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) รวมถึงกลยุทธ์การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท คันทรี่ การ์เด้น โฮลดิ้งส์ จำกัด (Country Garden Holdings Company Limited) (02007.HK) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของจีน ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2564 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางปฏิบัติที่สำคัญและความสำเร็จที่โดดเด่นของบริษัทในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)  รายงานระบุว่า ณ สิ้นปี 2564 บริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ 997 โครงการ ตามมาตรฐานการประเมินอาคารสีเขียวแห่งชาติ โดยมีพื้นที่อาคารรวม (GFA) ทั้งหมด 221.16 ล้านตารางเมตร คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ระดับ 46.4% และ 46.2% ตามลำดับตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2564 ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทได้ก่อสร้างอาคารสีเขียวที่ผ่านการรับรองเพิ่มอีก 61 โครงการ คิดเป็นพื้นที่รวม 9.15 ล้านตารางเมตร และมีการก่อสร้างโครงการเมืองฟองน้ำ (Sponge City) เพิ่มอีก 124 โครงการ คิดเป็นพื้นที่อาคารรวมกว่า 8.65 ล้านตารางเมตร

ส่วนในแง่ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีนั้น บริษัทในเครืออย่าง ไบรท์ ดรีม โรโบติกส์ (Bright Dream Robotics) ได้ทำการปรับพารามิเตอร์อัจฉริยะขั้นสุดท้ายให้กับหุ่นยนต์ฉีดพ่น (Spraying Robot) และนับเป็นครั้งแรกที่หุ่นยนต์ดังกล่าวได้อวดโฉมสู่สายตาคนทั่วโลก โดยไบรท์ ดรีม โรโบติกส์ ผ่านการทดสอบระบบก่อสร้างแบบหลายเครื่อง “BIM + FMS + WMS + หุ่นยนต์ก่อสร้าง” ในเมืองซัวเถา และเป็นบริษัทก่อสร้างแห่งแรกของโลกที่ทำได้ณ สิ้นปี 2564 คันทรี่ การ์เด้น มีหุ่นยนต์เกือบ 50 ประเภทที่อยู่ระหว่างการพัฒนา นอกจากนี้ หุ่นยนต์ก่อสร้าง 18 ประเภทได้ถูกนำไปใช้งานในเชิงพาณิชย์และให้เช่าหรือขาย เพื่อนำไปใช้ในโครงการมากกว่า 350 โครงการ ใน 25 มณฑลของจีน นอกจากนั้นยังมีการส่งมอบหุ่นยนต์ก่อสร้างกว่า 730 ตัว ซึ่งถูกนำไปใช้งานในพื้นที่ก่อสร้างรวมกว่า 7 ล้านตารางเมตร  นอกจากนี้ คันทรี่ การ์เด้น ยังคงเพิ่มการลงทุนในด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานที่ยั่งยืน รวมถึงเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ พร้อมกับขยายการลงทุนในด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านทาง คันทรี่ การ์เด้น เวนเจอร์ แคปิตอล (Country Garden Venture Capital) ซึ่งเป็นธุรกิจการลงทุนในตราสารทุนของบริษัท

ในปี 2564 คันทรี่ การ์เด้น เวนเจอร์ แคปิตอล ได้บรรลุความสำเร็จครั้งสำคัญมากมายในการลงทุนด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเข้าลงทุนในบริษัทที่เป็นกลางทางคาร์บอนหลายแห่ง เช่น เอสโวลต์ เอเนอร์จี (SVOLT Energy), โมเรียน นาโนเทค (Morion Nanotech) และ อัตโมไลท์ เทคโนโลยี (UtmoLight Technology) เป็นต้น นอกจากนั้นยังติดอันดับ “10 สุดยอดสถาบันการลงทุนด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน” แห่งปี จากการจัดอันดับของ lieyunwang.com และเข้าสู่พอร์ตการลงทุนของ Hang Seng ESG ETF, GX Hang Seng ESG, VSGXETF และกองทุน ETF อีกมากมายทั่วโลก

ขณะเดียวกัน คันทรี่ การ์เด้น ได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ

 ตัวอย่างที่เด่นชัดคือโครงการคันทรี่ การ์เด้น ฟอเรสต์ ซิตี้ (Country Garden Forest City) โดยในปี 2564 ศูนย์นิทรรศการฟอเรสต์ ซิตี้ ฟิชเชอร์แมนส์ วอล์ฟ แอนด์ ซีเชลล์ (Forest City Fisherman’s Wharf and Sea Shell Exhibition Center) ได้เริ่มติดตั้งสถานีไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายแห่ง โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตติดตั้งสูงสุด 405 กิโลวัตต์ และคาดว่าจะจ่ายไฟได้ราว 480,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี  ในปี 2564 ฟอเรสต์ ซิตี้ ได้รับรางวัลโซลูชันสีเขียวระดับนานาชาติจากคอนสตรักชัน21 (Construction21) จากโซลูชันที่ครอบคลุม หนึ่งในนั้นคือโครงการรีไซเคิลทรัพยากรน้ำและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลต้นแบบระดับโลกด้านการวางแผนและออกแบบเมืองคาร์บอนต่ำจากเวทีประกาศรางวัลเมืองยั่งยืนและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ (Sustainable Cities and Human Settlements Awards หรือ SCAHSA) จากแนวคิดด้านการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ

คันทรี่ การ์เด้น มุ่งมั่นทำกิจกรรมการกุศลควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจหลัก

นับจนถึงปัจจุบัน คันทรี่ การ์เด้น กรุ๊ป และผู้ก่อตั้งบริษัท ได้บริจาคเงินไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านหยวน และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในโครงการบรรเทาความยากจนใน 57 อำเภอ ทั่ว 16 มณฑลของจีน โดยช่วยดึงประชาชนกว่า 490,000 คนให้ขึ้นมาอยู่เหนือเส้นแบ่งความยากจน  คุณหยางกั๋วเฉียง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท คันทรี่ การ์เด้น และครอบครัว คือผู้บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศจีนในปี 2564 จากการจัดอันดับผู้บริจาคเพื่อการกุศลแห่งประเทศจีน (China Philanthropy List) ประจำปี 2564 โดยนิตยสารฟอร์บส ไชน่า (Forbes China) ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 13 แล้วที่ตระกูลหยางติดอันดับดังกล่าว