ไฮเซ่นส์กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2562 เตรียมขยายส่วนแบ่งการตลาดในไทย ด้วยการเพิ่มจำนวนไลน์อัพกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะทีวีและตู้เย็น รองรับความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น ชูจุดเด่นขนาดใหญ่ ให้คุณภาพสูง ดีไซน์หรู และคุณภาพคุ้มค่าในราคาที่ผู้บริโภคจับจ่ายออกมา (Best Value for Money) พร้อมประกาศจำหน่าย 4K Laser TV อย่างเป็นทางการ

มร.ยี่ เสี่ยวผิง (Mr.Yi Xiaobing) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฮเซ่นส์ (Hisense) เป็นแบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ครองส่วนแบ่งการตลาดทีวีเป็นอันดับหนึ่งในประเทศจีนถึง 15 ปีซ้อน ส่วนในเวทีการตลาดระดับโลกนั้นก็ยังคงไต่อันดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดติดอันดับท็อปเท็นของ “BrandZ Top 10 Chinese Global Brand Builders” ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม โดยไต่อันดับจากที่ 9 ขึ้นสู่อันดับที่ 6 ซึ่งเกิดจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกเกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของแบรนด์

ปัจจุบัน ไฮเซนส์ เป็นเจ้าของบริษัทที่ตั้งอยู่ทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 54 แห่ง มีฐานการผลิตตั้งอยู่ในต่างประเทศ 5 แห่ง และยังมีศูนย์ R&D อีก 7 แห่งที่ทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์อันทันสมัยสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาเน้นกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง (Sport Marketing) เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยได้ให้การสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2018 (FIFA World Cup™) และขณะนี้ได้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 หรือ UEFA EURO 2020 ควบคู่ไปกับการทำการตลาดในแต่ละประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้แบรนด์ไฮเซนส์ได้รับความสนใจและเป็นที่จดจำในตลาดระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น

“ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญสำหรับไฮเซ่นส์ โดยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2559 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ เทคโนโลยี จอภาพ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีคุณภาพที่ดีขึ้น ด้านการเข้าถึงคอนเท้นต์ที่ต้องสะดวกและง่ายเพียงปลายนิ้ว ผลิตภัณฑ์ของไฮเซ่นส์นั้นนอกจากคุณภาพที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ยังเน้นดีไซน์ที่สวยงาม ให้ความรู้สึกถึงความพรีเมี่ยม และการรับประกันหลังการขายยาวนานถึง 3 ปี เพราะเป้าหมายของแบรนด์คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าในราคาที่ผู้บริโภคจับจ่ายออกมา (Best Value for Money)

ในปีนี้ ไฮเซ่นส์จะขยายไลน์อัพกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทีวีและตู้เย็นซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของผู้บริโภค โดยเชื่อว่าการอยู่ร่วมกันของครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นทีวีมีขนาดใหญ่และให้คุณภาพระดับ 4K ขึ้นไป จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราจะเน้นการทำตลาดในปีนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “4K Bigger Is Better” พร้อมด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ตู้เย็นขนาดใหญ่ หลายประตู ทีพัฒนาออกแบบดีไซน์ทุกๆ 3 ปี และแน่นอนว่าผลิตภัณฑ์เรือธงของแบรนด์ที่เคยสร้างการรับรู้ไปเมื่อปีที่ผ่านมาอย่าง 4K Laser TV นั้น ถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในปีนี้ เพื่อมอบความบันเทิงภายในบ้านได้อย่างเต็มอิ่มทั้งภาพและเสียง”

ด้าน นายฉันท์ชาย พันธุฟัก ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฮเซ่นส์มีผลิคภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของผู้บริโภคตั้งแต่ ระดับกลางถึงพรีเมียม ที่คิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมของแบรนด์เอง มีไลน์อัพที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างหลากหลายความต้องการ ดีไซน์สวยหรู พรีเมี่ยม ปีที่ผ่านมาไฮเซ่นส์ได้แนะนำ 4K Laser TV ขนาด 100 นิ้ว ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความบันเทิงภายในบ้าน สามารถรับชมได้อย่างสบายตาในระยะเพียง 4 เมตรจากหน้าจอ ซึ่งในปีนี้ได้นำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว

“ผลิตภัณฑ์กลุ่มทีวีที่ไฮเซ่นส์เพิ่มไลน์อัพในปีนี้คือกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ 75 นิ้ว และ 65 นิ้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาขนาด 55 นิ้ว ถือเป็นขนาดมาตรฐานของผู้บริโภคไปแล้ว ได้แก่ ได้แก่ ULED TV รุ่น B8000 ขนาด 65 นิ้ว OLED TV รุ่น A91 ขนาด 55 นิ้ว แอนดรอยด์ ทีวี (Android TV) รุ่น B7700 ขนาด 65 นิ้ว ที่ใช้งานง่าย รองรับภาษาไทย ค้นหาด้วยเสียง ทั้งยังเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นรีโมทอัจฉริยะผ่านแอปพลิเคชัน RemoteNOW เหมาะกับทุกห้องภายในบ้าน และ Premium UHD TV รุ่น B7500 ซึ่งมีตั้งแต่ขนาด 75 นิ้ว – 43 นิ้ว เพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยคุณสมับัติเด่นของทุกรุ่นนั้นให้คุณภาพของภาพระดับ 4K มีโหมดภาพที่เหมาะกับการชมในแต่ละประเภท เน้นความเข้มชัดของสีและความมืด ความสว่าง (Dolby Vision HDR/HDR 10) บางรุ่นเหมาะกับการเล่นเกมและการรับชมกีฬา ง่ายต่อการเชื่อมต่อเพียงปลายนิ้ว เข้าชมคอนเท้นต์ยอดนิยมอย่าง Netflix และ Youtube ง่ายดายด้วยทางเข้าลัดที่หน้าจอ ระบบเสียงที่มีคุณสมบัติพิเศษจาก dbx-tv และ Dolby Atmos, DTS Studio SoundTM เต็มอิ่มกับคุณภาพเสียงที่ดีทัดเทียมกับคุณภาพของภาพโดยไม่ต้องใช้ซาวด์บาร์ ที่สำคัญยังเป็นทีวีที่เหมาะกับการชมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020

ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์กลุ่มตู้เย็นที่ไฮเซ่นส์เพิ่มไลน์อัพเข้ามา ยังเน้นขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน คือ Multi Door Pure Flat Series 16 คิว และ ตู้เย็น 2 ประตู แบบ Bottom Freezer 16 คิว รวมถึง Side by Side และ 2 ประตู ที่มีดีไซน์เรียบหรู มีช่องบรรจุอาหารในตู้เย็นที่หลากหลายทั้งอาหารสด อาหารแช่แข็ง และเครื่องดื่ม อีกทั้งยังเปลี่ยนดีไซน์ทุกๆ 3 ปี ซึ่งถือว่ามีความถี่มากกว่าแบรนด์อื่นๆ ในตลาด และช่วงเปิดตัวยังนำเสนอราคาโปรโมชั่นราคาที่ดึงดูดใจผู้บริโภค” นายฉันท์ชาย กล่าว

สำหรับการตลาดนั้น ในช่วงครึ่งปีหลัง ไฮเซ่นส์ยังคงเน้นการสร้างการรับรู้แบบเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายพันธมิตรอย่าง เทสโก้ โลตัส โฮมโปร และเพาเวอร์บายทุกสาขา หรือมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ต่างๆ พร้อมทั้งเน้นการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) รีวิวผลิตภัณฑ์แบบใช้งานจริง เพราะต้องการให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ การใช้ Facebook AD, Line AD, Youtube AD เป็นต้น โดยในช่วงเดือนกันยายน 2562 แบรนด์ไฮเซ่นส์จะครบรอบ 50 ปี ยังได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษมอบให้กับผู้บริโภคทั่วโลกด้วย

ผู้สนใจทดลองผลิตภัณฑ์ได้ที่เทสโก้ โลตัส โฮมโปร และเพาเวอร์บายทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ผ่านทาง ลาซาด้า, ช้อปปี้ และเจดี เซ็นทรัล, แอลซีดีทีวีไทยแลนด์ ติดตามข้อมูลไฮเซ่นส์ (Hisense) ได้ทาง http://www.hisense.co.th/ หรือ facebook.com/Hisensethai