กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี 2562 ระหว่างวันที่ 10 – 18 สิงหาคม 2562 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2562

วันนี้ 3 สิงหาคม 2562 นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี 2562 โดยมี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมแถลงข่าว ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น ๑ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี 2562 ระหว่างวันที่ 10 – 18 สิงหาคม 2562 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2562 ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ทรงส่งเสริมอาชีพและช่วยเหลือราษฎรให้มีอาชีพเสริม เพิ่มพูนรายได้อย่างกว้างขวาง ภายใต้โครงการส่งเสริมศิลปาชีพ และมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ซึ่งแนวพระราชดำริของพระองค์ในเรื่องการส่งเสริมอาชีพ ได้กลายเป็นต้นแบบเพื่อการอนุรักษ์ สืบสานภูมิปัญญาของคนไทยจากรุ่นสู่รุ่น ก่อให้เกิดโครงการส่งเสริมอาชีพของหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ขยายผลมาจากโครงการส่งเสริมศิลปาชีพฯ เพื่อสร้างรายได้ให้กลุ่มอาชีพที่เป็นสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพฯ ผู้ผลิตผู้ประกอบการโอทอป ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้และความยากจน และการสร้างให้ระบบเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งแข่งขันได้ ที่มีนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยส่งเสริมการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์จากชุมชนสู่ตลาดสากล

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานในครั้งเป็นการนำเสนอความยิ่งใหญ่ของผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และภูมิปัญญาไทยผ่านสินค้าโอทอปที่โดดเด่น สะท้อนถึงศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และความสามารถด้านหัตถศิลป์ของคนไทย ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศาสตร์และศิลป์แห่งโลกตะวันออกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสร้างชื่อเสียงในระดับสากล สอดคล้องกับกลยุทธ์ “Less is more” ซึ่งเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ที่แสวงหาไลฟ์สไตล์เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองได้อย่างชัดเจน ดังนั้น การจัดงานครั้งนี้จึงไม่ได้หมายถึงตัวสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ต้องแสดงถึงกระบวนการทางความคิด การบริการ และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ จนผ่านการคัดสรรให้เป็นของขวัญของฝากสุดพิเศษ รวมไปถึงการประยุกต์ใช้ผ้าทอไทยในสไตล์ Mix & Match ร่วมชื่นชมภูมิปัญญาไทย ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต อาหารถิ่นรสไทยแท้ พร้อมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของหมู่บ้านท่องเที่ยวผ้าไทยนวัตวิถี

ด้านนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน

ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ภายในงานแบ่งออกเป็น 10 โซน ดังนี้ โซนที่ 1 : นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยน้อมนำพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในด้านการสืบสาน รักษา ต่อยอด งานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2562 โซนที่ 2 : นิทรรศการช่างสิบหมู่ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลงานของสำนักช่างสิบหมู่ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนผลงานศิลปกรรมแขนงต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและปลุกจิตสำนึกของคนในชาติให้เห็นความสำคัญในการร่วมมือกันดูแลรักษาและสืบทอดงานศิลปะไทย โซนที่ 3 : การจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ซึ่งมีการนำผลิตภัณฑ์ผ้าปักชาวเขา ฝ้ายทอมือจากผลงานของดีไซน์เนอร์ ครูช่างศิลปหัตถกรรม และชุมชนต่าง ๆ มาจัดแสดงและจำหน่ายภายในงาน โซนที่ 4 : หมู่บ้านท่องเที่ยวผ้าไทยนวัตวิถี สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนที่เรียบง่าย มีเอกลักษณ์เฉพาะ มนต์เสน่ห์ รอยยิ้ม และการต้อนรับที่แสนอบอุ่น อีกทั้งการท่องเที่ยวชุมชนยังช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนแบบยั่งยืนอีกด้วย โซนที่ 5 : Mix & Match เทรนด์ผ้าไทยที่กำลังมาแรงในปี 2019 ผ่านการแต่งตัวของเหล่าเซเลบ นางเอก และบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับแถวหน้าของเมืองไทย อาทิ แพนเค้ก-เขมนิจ , แพรี่พาย , เดียร์น่า ฟลีโป และนุ่น ศิรพันธ์ ซึ่งต่างหันมาสวมใส่ผ้าไทยแบบประยุกต์ออกงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปลุกกระแสคนไทยให้เริ่มหันมาสนใจสวมใส่ชุดผ้าไทย สไตล์ Mix & Match โซนที่ 6 : ผ้าในตำนานและผ้าอัตลักษณ์ หนึ่งเดียวในโลกครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อนำเสนอความงดงามของผ้าไทยที่เลื่องลือ สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาวัฒนธรรมของคนไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ลวดลายบนผืนผ้าได้บ่งบอกความรุ่งเรืองทางภูมิปัญญาของช่างทอไทยที่น่าภาคภูมิใจ อาทิ บ้านคำปุน จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี คุณเถ่า-มีชัย แต้สุจริยา ซึ่งเป็นทายาทเจ้าของและเป็นผู้ที่ดูแลบ้านคำปุน อีกทั้งยังเป็นศิลปินดีเด่นจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2544 และครูศิลปะของแผ่นดินปี 2559 ซึ่งเป็นผู้คิดค้นผ้าทอมือเทคนิคเฉพาะทาง และเป็นผู้คิดค้นเทคนิคและออกแบบ ผ้าลายกาบบัว จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ระดับชาติไปจนถึงระดับโลก โซนที่ 7 : ผ้าทออาเซียน เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมแห่งแห่งโลกตะวันออก กับผลิตภัณฑ์ผ้าของกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อเผยแพร่เอกลักษณ์ของผ้าและเครื่องแต่งกายที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของความเป็นชาติของประเทศสมาชิก โซนที่ 8 : ของขวัญเพื่อแม่ ร้อยใจลูก วันพิเศษอย่างวันแม่แห่งชาติปีนี้ ไม่ควรพลาดหาซื้อของขวัญแทนรักมอบแด่คุณแม่ อาทิ เครื่องประดับ กระเป๋าสะพาย รองเท้าเพื่อสุขภาพ สินค้าแฟชั่นผ้าไทย อาหารเพื่อสุขภาพ มีให้เลือกอย่างครบครัน โซนที่ 9 : สุดยอดผลิตภัณฑ์โอทอปทั่วทุกภาคของไทย โดยมีผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร มาจัดขายให้ผู้เข้าร่วมงานได้เข้ามาเลือกซื้อ มากกว่า 2,500 บูธ และโซนที่ 10 : โอทอปชวนชิมและอาหารพื้นถิ่นรสไทยแท้ ให้ผู้เข้าชมได้เข้ามาลิ้มลองอาหารอร่อย เมนูเด็ดโดนใจ จาก 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีโอกาสรับประทานโดยไม่ต้องเดินทางไกล พร้อมเสิร์ฟความอร่อยในรสชาติที่ทุกท่านถวิลหา ท่ามกลางบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยงานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่าแห่งยุคสมัย พิเศษสุดกับกิจกรรมแมวมองเพื่อรณรงค์ใส่ผ้าไทย ไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาคู่ มาพร้อมครอบครัว คนรัก พ่อแม่ หรือเพื่อน ก็มีโอกาสลุ้นรับรางวัลง่ายๆ วันละ 3 รางวัล เพียงใส่ผ้าไทยมาเที่ยวงาน และเพลิดเพลินกับกิจกรรม การแสดงประจำวันสุดคลาสสิกแห่งยุคสมัย พบกับศิลปินดังในยุคต่าง ๆ ที่ยกขบวนมามอบความบันเทิงทั้งคอเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง ร่วมสมัย และการแสดงพิเศษจากดุริยางค์เหล่าทัพที่จัดมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมี การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากอดีตสู่ปัจจุบัน และกิจกรรมช้อปเพลิน ช้อปพัน แจกสร้อยคอทองคำ 1 สลึง ทุกวัน วันละ 10 เส้น วันสุดท้ายจับรางวัลใหญ่เป็นของขวัญให้คุณแม่ จำนวน 10 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท ได้แก่ รางวัลทองคำหนัก 1 บาท 2 รางวัล/ รางวัลทองคำหนัก 2 สลึง 3 รางวัล/ รางวัลทองคำหนัก 1 สลึง 5 รางวัล และรางวัลใหญ่ รถยนต์ TOYOTA YARIS ATIV จำนวน 1 คัน

และพลาดไม่ได้ ในโซนพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนในช่วงฤดูกาลผลไม้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทั้งมังคุด ลองกอง เงาะ ลำไย ทำให้เกิดปัญหาผลไม้ล้นตลาดและราคาตกต่ำ กรมฯ จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ นำผลไม้มาจัดจำหน่ายในครั้งนี้ เพื่อช่วยระบายผลไม้จากเกษตรกรช่วยเหลือและสนับสนุนด้านการตลาดให้แก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ มังคุด ลองกอง เงาะ และลำไย รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาลอื่น ๆ ที่จะออกผลผลิตในช่วงปลายปี 2562 นี้ จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกร ช่วยกระจายรายได้สู่พี่น้องเกษตรกรชาวไทย อีกทั้งผลไม้ไทยรับประทานอร่อยดี และมีประโยชน์

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านได้ร่วมกันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ท่านในงานนี้ และขอเชิญชวนแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพและผ้าไทยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากทั่วทุกภูมิภาคของไทย ได้มาร่วมชื่นชมความงดงามของผ้าในตำนานและผ้าอัตลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก รวมถึงผ้าอาเซียน ที่หาชมได้ภายในงานนี้เท่านั้น และพลาดไม่ได้เด็ดขาดกับการมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกร ช่วยกระจายรายได้สู่พี่น้องเกษตรกรชาวไทย มาร่วมเลือกชิม ชม ช้อป ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ OTOP ทุกจังหวัดทั้วทั้งประเทศ ที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ตั้งใจคัดสรรมาให้เลือกซื้อกันอย่างมากมายมากกว่า 2,500 บูธ ในงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี 2562 ระหว่างวันที่ 10 – 18 สิงหาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 อิมแพค เมืองทองธานี”อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าว