เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2562 เวลา 10.00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานงานแถลงข่าวการจัดงาน “วันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2562” โดย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายชาตรี ศรีสันต์ หัวหน้าสำนักงานสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ดร.สกล เหลืองไพฑูรย์ เลขาธิการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ดร.ประสบโชค นิ่มเรือง อุปนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร และนายชิงชัย บุญประคอง ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย ณ ห้องประชุม 5501 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

อธิบดี สถ. กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2553 เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอกำหนดให้วันที่ 18 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันท้องถิ่นไทย” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะตำบลท่าฉลอมขึ้นเป็นสุขาภิบาลท่าฉลอม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2448 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายอำนาจการปกครองให้แก่ประชาชน และเป็นการถือกำเนิดของการปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นรากฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับจังหวัดสมุทรสาคร เริ่มจัดงาน “วันท้องถิ่นไทย” ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา และสำหรับในปีนี้ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จะจัดพิธีถวายราชสักการะ และกล่าวถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่อื่นตามความเหมาะสมของแต่ละจังหวัด ในวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2562 โดยมีศูนย์กลางการจัดงานที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 วัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีการเชิญผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนเข้าร่วมพิธี เพื่อร่วมกันน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะตำบลท่าฉลอมขึ้นเป็นสุขาภิบาลท่าฉลอม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายอำนาจการปกครองให้ประชาชนในท้องถิ่น นอกจากนี้ ทั่วประเทศจะจัดนิทรรศการแสดงผลงานของ อปท. มีการจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ การให้บริการประชาชนในด้านต่างๆ หรือกิจกรรมอื่นๆ ในแต่ละพื้นที่ด้วย เช่น การออกหน่วยเคลื่อนที่ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือการจัดแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ

อธิบดี สถ. กล่าวต่อว่า การจัดงานในปีนี้ยังพิเศษไปกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะนอกจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จะร่วมกับจังหวัดสมุทรสาคร จัดงานยิ่งใหญ่ คือ “งานประเพณี 18 มีนา สุขาภิบาลท่าฉลอม วันท้องถิ่นไทย” ประจำปี 2562 แล้ว ทางกรมฯ ยังจัดงาน “สัปดาห์วันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2562” ด้วย โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 มีนาคม 2562 เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. ที่จุดพักรถ The Station Mahachai ถนนพระราม 2 อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีกิจกรรมมากมายภายในงาน เช่น การจัดเสวนาทางวิชาการ “ความก้าวหน้าของท้องถิ่นไทย อดีต-ปัจจุบัน” การจัดแสดงนิทรรศการความสำคัญของวันท้องถิ่นไทย การแสดงผลงานและภารกิจที่สำคัญของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เช่น การบริหารจัดการขยะมูลฝอย การบริหารการจัดการศึกษาท้องถิ่น การแสดงจากนักเรียนในสังกัด อปท. การจัดกิจกรรมร่วมสนุกกับเกมส์คัดแยกขยะ รวมถึงการออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของดีท้องถิ่น

ทางด้านนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกับ สถ. และ อปท. ในพื้นที่ จัด “งานประเพณี 18 มีนา สุขาภิบาลท่าฉลอม” ระหว่างวันที่ 16 – 18 มีนาคม 2562 โดยมีจุดศูนย์กลางการจัดงานอยู่ที่วัดสุทธิวาตวราราม หรือวัดช่องลม จังหวัดสมุทรสาคร โดยกำหนดการที่สำคัญที่สุดก็คือ ในวันที่ 18 มีนาคม 2562 เวลา 08.30 น. จะมีพิธีถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ มีการอ่านสารของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเนื่องในโอกาสวันท้องถิ่นไทย มีขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติฯ ของ อปท. ทุกแห่งในจังหวัด ของนักเรียนในสังกัด อปท. และของชาวชุมชนท่าฉลอม รวมถึงนิทรรศการของ “สุขาภิบาลท่าฉลอม” และนิทรรศการแสดงผลงานกิจกรรมที่โดดเด่นของ อปท. ในพื้นที่ และในส่วนของกิจกรรม “ชม ช้อป ชิม” จะมีการออกร้านของท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบ ทั้งการจำหน่ายอาหารทะเลสด อาหารทะเลแปรรูป และสินค้าจากผู้ประกอบการโรงงานต่างๆ ในราคาประหยัด มีกิจกรรมนั่งเรือชมป่าชายเลน มีบริการรถสามล้อโบราณให้ได้นั่งฟรีและถ่ายภาพ มีบริการนั่งรถรางชมรอบเมืองท่าฉลอม รวมถึงการแสดงการละเล่นว่าวไทยโบราณ การจัดแสดงรถโบราณ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนในพื้นที่ด้วย

นอกจากนี้ อธิบดี สถ. ได้กล่าวถึงภารกิจและเป้าหมายที่สำคัญของกรมฯ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะในประเทศไทยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาขยะของประเทศไทย ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล ได้มีมติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะของประเทศ ซึ่งขยะในประเทศไทยเข้าสู่ขั้นวิกฤตเนื่องจากมีการสร้างขยะเพิ่มมากขึ้น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ที่มีภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็เห็นว่า หนึ่งในหนทางการแก้ไขที่สามารถทำได้ทันที คือ การจัดทำถังขยะอินทรีย์หรือถังขยะเปียกประจำครัวเรือนและชุมชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งท่าน ดร.ปฤถา พรหมเลิศ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นผู้ผลักดันให้มีการจัดทำ “ถังขยะอินทรีย์หรือถังขยะเปียกครัวเรือน” ขึ้น โดยเริ่มจากจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นลำดับแรก และขยายผลไปยังส่วนราชการต่างๆ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้สานต่อแนวทางดังกล่าวต่อไปยังสถานศึกษา โรงเรียน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัด อปท. และศูนย์การเรียนรู้ในชุมชน รวมไปถึงครัวเรือนของข้าราชการ ผู้บริหาร อปท. ครัวเรือนสมาชิกสภา อปท. ครัวเรือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และครัวเรือนของพี่น้องประชาชน โดยตั้งเป้าไว้ว่า ภายในเดือนเมษายน 2562 นี้ ทุกครัวเรือนจะมีถังขยะอินทรีย์หรือถังขยะเปียกครัวเรือน ครบ 100% ทั่วประเทศ

ล่าสุด กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลเพื่อทำวิจัยการประเมินและรับรองผลการบริหารจัดการขยะเศษอาหารตามแนวทางการทำถังขยะเปียกในการช่วยลดสภาวะโลกร้อนโดยเทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะมีการดำเนินการใน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ ประเภทครัวเรือน ประเภทศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และประเภทโรงเรียน เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยอัตราการเกิดขยะเศษอาหารที่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงของ สถ. ในการลดภาระการบริหารจัดการขยะของส่วนรวม และสร้างมูลค่าเพิ่มจากสารบำรุงดินที่ได้จากการหมักขยะเศษอาหารในถังขยะเปียก ซึ่งในอนาคตการจัดทำถังขยะเปียกครัวเรือนสามารถประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้จากการดำเนินโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อน หากได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองเพื่อพัฒนาคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) สำเร็จ ก็อาจมีรายได้ในอนาคตกลับคืนสู่ชุมชนได้ด้วย และกรมฯ ยังส่งเสริมพลังจากสตรีหรือแม่บ้านท้องถิ่นไทยในการเป็นจิตอาสาด้วย เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกของการคัดแยกขยะเศษอาหารตั้งแต่ต้นทาง นั่นคือ ครัวเรือน เพราะแม่บ้านที่เป็นผู้ใกล้ชิดคนในครอบครัวที่สุด โดยกระตุ้นให้มีการคัดแยกขยะเศษอาหารหรือขยะเปียกออกจากขยะทั่วไป เป็นการช่วยลดรายจ่ายจากการนำสารบำรุงดินที่ได้จากการทำถังขยะเปียกมาใช้ในการปลูกผักสวนครัว หรือประโยชน์ด้านเกษตรกรรมอื่นๆ ได้อีกด้วย ทั้งยังมีส่วนในการช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่จะเป็นการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับชุมชนให้ดียิ่งขึ้นอีกทาง

“ปีนี้ถือว่าเป็นปีมหามงคลของชาวไทย ซึ่งจะมีการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 จึงอยากเชิญชวนให้มาร่วมกันทำความดีในรูปแบบของการปฏิบัติบูชา เพื่อเฉลิมฉลองและแสดงความจงรักภักดีถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระนี้ โดยร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาบ้านเมืองของเราให้น่าอยู่ขึ้นด้วยการจัดทำถังขยะอินทรีย์ หรือถังขยะเปียกครัวเรือน ให้ครบ 100% ภายในเดือนเมษายน 2562 นี้ โดยให้คิดเสมอว่า ความสำเร็จนั้นอยู่ที่จิตสำนึกของพวกเราทุกคน มาร่วมกัน Change For Good เปลี่ยนเพื่อโลกที่ดีกว่า เปลี่ยนเพื่อประเทศที่ไทยสะอาดและสวยงามขึ้นกว่าเดิม” นายสุทธิพงษ์กล่าวในตอนท้าย