ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายเจอโรม อดัม ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท กรีนเยลโล่ (Green Yellow) ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวนรวม 831 ล้านบาท ให้แก่บริษัท กรีนเยลโล่ โซล่าร์ 2 (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือของกลุ่มบริษัท กรีนเยลโล่ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้กรีนเยลโล่นำไปใช้ในการขยายโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วประเทศไทย ในรูปแบบข้อตกลงการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ (Private Power Purchase Agreement : Private PPA) จำนวน 41 โครงการภายใต้การสนับสนุนครั้งนี้ คิดเป็นกำลังการติดตั้งรวม 44 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งติดตั้งอยู่บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่พื้นดิน (Solar Farms) และบนบ่อน้ำ (Floating Solar Farms)

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า การสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้บริษัทด้านพลังงานระดับโลกช่วยดำเนินการติดตั้งและดูแลระบบโซลาร์เซลล์ให้แก่สถานประกอบการในไทย เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโลกโดยใช้พลังงานสะอาด เป็นการยกระดับของอุตสาหกรรมไทยตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) ตามเป้าหมายของรัฐบาล เพื่อร่วมกับประชาคมโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงของต่างชาติในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและโลกโดยรวม ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท กรีนเยลโล่ มีสำนักงานใหญ่ในฝรั่งเศสและสำนักงานใน 16 ประเทศทั่วโลก เชี่ยวชาญด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ และการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคให้กับคู่ค้าทั่วโลก ดำเนินโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มากกว่า 486 MW และได้ลงนามสัญญาที่ไทยรวม 160 โครงการ ดำเนินการติดตั้งในไทยแล้วกว่า 77 MW ในหลากหลายอุตสาหกรรม

“ในการดำเนินบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนา EXIM BANK พร้อมเป็นกลไกสำคัญของภาครัฐในการสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการและยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้สามารถปรับตัวและเติบโตได้ในโลกยุค Next Normal เติมเต็มและต่อยอดการพัฒนากันอย่างพึ่งพาและพึ่งพิงกันตลอด Supply Chain ส่งเสริมให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการรายย่อยที่จะเข้าสู่ Supply Chain การส่งออกของไทยได้ ขณะเดียวกันยังขับเคลื่อนการพัฒนาในมิติสังคมและสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันอย่างยั่งยืน นำไปสู่ผลสำเร็จของการสร้างโลกที่น่าอยู่และมีการพัฒนาอย่างสมดุล” ดร.รักษ์ กล่าว