ธนาคารกสิกรไทยผนึกพันธมิตร NIUM ผู้ให้บริการโอนเงินข้ามประเทศชั้นนำจากสิงคโปร์ พัฒนาเทคโนโลยีการโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน Application Programming Interface (API) ขยายสกุลโอนเงินไปต่างประเทศผ่านแอป K PLUS เพิ่มอีก 6 สกุลเงิน เป็น 12 สกุลเงิน ครอบคลุม 30 ประเทศทั่วโลก โดยไม่ต้องใช้เอกสาร ทำรายการได้เองผ่าน K PLUS ตั้งเป้าโอนไปทุกประเทศทั่วโลกภายในสิ้นปี 63
นายศีลวัต สันติวิสัฏฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากเปิดให้บริการโอนเงินต่างประเทศผ่านแอป K PLUS (Outward Remittance on K PLUS) ในเดือนพฤษภาคม 2562 เป็นเวลากว่า 1 ปี ปรากฏว่ามีลูกค้ารายใหม่ ที่ยังไม่เคยใช้บริการเงินโอนต่างประเทศเข้ามาใช้งานเป็นจำนวนมาก มีการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจากมูลค่าการโอนมากกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะโอนเงินไปต่างประเทศเพื่อการศึกษา ชำระค่าสินค้า แรงงานต่างชาติที่โอนเงินกลับบ้าน โอนให้ครอบครัวที่อยู่ต่างประเทศ โดยปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีมูลค่าในตลาดการโอนเงินต่างประเทศกลุ่มลูกค้ารายย่อยวงเงินโอนต่อรายการต่ำหรือ Low Value ในปี 2562 คิดเป็นสัดส่วนทางการตลาดกว่า 25% ของมูลค่ารวมของตลาด
จากการที่ธนาคารกสิกรไทยจับมือเป็นพันธมิตรกับ NIUM ฟินเทคที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน ซึ่ง Beacon VC บริษัทร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมลงทุนกับ NIUM เมื่อปี 2561 จากความร่วมมือในครั้งนั้นทำให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถพัฒนาคุณภาพการให้บริการโอนเงินข้ามประเทศแก่ลูกค้ารายย่อย จนมีปริมาณธุรกรรมและมูลค่าธุรกรรมการโอนเงินต่างประเทศเติบโตแบบก้าวกระโดด และล่าสุดสามารถต่อยอดด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน Application Programming Interface (API) ทำให้สามารถโอนเงินไปต่างประเทศได้เพิ่มอีก 6 สกุลเงิน รวมเป็น 12 สกุลเงิน ประกอบด้วย เงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง เงินปอนด์ ยูโร เปโซฟิลิปปินส์ รูปีอินเดีย รูเปียอินโดนีเซีย ดองเวียดนาม วอนเกาหลีใต้ และริงกิตของมาเลเซีย ครอบคลุมถึง 30 ประเทศ จากเดิม 24 ประเทศ
ธนาคารกสิกรไทยมีเป้าหมายภายในสิ้นปี 2563 ที่จะพัฒนาบริการให้ลูกค้าสามารถโอนไปทุกประเทศทั่วโลกผ่าน K PLUS และตั้งเป้าจะมียอดธุรกรรมมากกว่า 60,000 รายการต่อปี มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2568
นายโรฮิต บาม์มี่ Global Head of Institution Business, NIUM กล่าวว่า เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมพัฒนานวัตกรรมการให้บริการเงินโอนต่างประเทศบนแอปพลิเคชันของธนาคารกสิกรไทยด้วยสกุลเงินที่หลากหลายขึ้น ในฐานะฟินเทคผู้เชี่ยวชาญด้านบริการเงินโอนข้ามประเทศ เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการเงินดิจิทัลที่ง่าย สะดวกสบาย รวดเร็ว ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งเห็นได้ชัดจากการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรอย่างธนาคารกสิกรไทยเพื่อให้บริการเงินโอนต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในครั้งนี้ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการโอนเงินต่างประเทศแบบเรียลไทม์ ทั้งนี้เรามุ่งหวังที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับธนาคารกสิกรไทยต่อไปเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านการชำระเงินข้ามประเทศที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของธนาคาร
นายศีลวัตกล่าวในตอนท้ายว่า บริการโอนเงินต่างประเทศผ่านแอป K PLUS เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ที่ควรหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในที่ชุมชน รวมทั้งการสัมผัสเงินสด การทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะลูกค้าสามารถทำธุรกรรมจากที่บ้าน หรือจากทุกที่ได้โดยไม่ต้องเดินทางมาสาขาธนาคาร นับว่าเป็นทางเลือกของการโอนเงินต่างประเทศที่สะดวก ง่าย ปลอดภัย ได้รับเงินเต็มจำนวน และไม่ต้องแนบเอกสารประกอบ ด้วยค่าธรรมเรียมที่ถูก สามารถโอนเงินได้เองมากถึง 12 สกุลเงิน ครอบคลุม 30 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ ธนาคารจัดโปรโมชั่นคิดค่าธรรมเนียมราคาพิเศษ 250 บาทต่อรายการ จากปกติ 450 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563 นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าใหม่ที่โอนเงินไปยังต่างประเทศผ่าน K PLUS ครั้งแรกตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ ได้รับ e-Gift Card Starbucks มูลค่า 150 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2563