(กระทรวงศึกษาธิการ)-ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายโชติ โสภณพนิช ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะไทย, นายรณภพ ปัทมะดิษ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นางดรุณวรรณ    ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช),      ดร.ภูริวรรษ คำอ้ายกาวิน ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ศึกษา และคณะทำงานโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียน (Science Technology Innovation (STI) : Smart Intensive Farming) ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียน ระหว่างวันที่ 26-27 พฤษภาคม 2565 ณ โรงเรียนห้วยสักวิทยาคม และโรงเรียนชุมชนดอยช้าง จังหวัดเชียงราย

            คุณหญิงกัลยา ชู Coding ขยายผลโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตสู่ 346 โรงเรียน มุ่งสร้างกระบวนการคิด วิเคราะห์ สู่การปฏิบัติจริง ยกระดับองค์ความรู้ด้านเกษตรกรร ม สร้างประโยชน์ต่อชุมชนและเศรษฐกิจประเทศ

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การขับเคลื่อนโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียน (Science Technology Innovation (STI) : Smart Intensive Farming) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักคิด วิเคราะห์ อย่างเป็นระบบโดยใช้ Coding วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาบูรณาการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในภาคการเกษตร เด็กเกิดทักษะการวางแผน สามารถนำองค์ความรู้มาสู่การปฏิบัติและต่อยอดในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะเกษตรกรรมถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ  โดยในปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมาได้กระทรวงศึกษาธิการเปิดโครงการนำร่อง ใน 6 โรงเรียน ซึ่งประกอบด้วย 1.โรงเรียนห้วยสักวิทยาคม จังหวัดเชียงราย, 2.โรงเรียนชุมชนดอยช้าง จังหวัดเชียงราย, 3.โรงเรียนอมก๋อยวิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่, 4. โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่, 5.โรงเรียนเวียงมอกวิทยา จังหวัดลำพูน และ 6.โรงเรียนศรีสังวาลย์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปีการศึกษา 2565 นี้ จึงได้มีการขยายผลโครงการไปสู่โรงเรียนในสังกัดเพิ่มอีก 346 โรงเรียน โดยแบ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษา จำนวน 237 โรงเรียน และโรงเรียนมัธยมศึกษา จำนวน 109 โรงเรียน

“โครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียนนับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โรงเรียนนำร่องที่เข้าร่วมมีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม ใช้เวลาเพียง 5-6 เดือนก็สามารถทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ ทำให้มีโรงเรียนสนใจอยากเช้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากกว่า 600 โรงเรียน แต่ปีการศึกษานี้สามารถคัดเลือกและรับได้เพียง 346 โรงเรียน อย่างไรก็ตามทางสพฐ.จะดำเนินการขยายผลไปสู่โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้มากที่สุด แม้จะเป็นโครงการเล็กๆ แต่เชื่อว่าจะสามารถสร้างเด็กไทย และคนไทยให้เข้มแข็ง ยกระดับองค์ความรู้ทางด้านเกษตรกรรมโดยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ จนสามารถขยายประโยชน์ไปต่อชุมชนสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ” ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว

คุณหญิงกัลยา ชู Coding ขยายผลโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตสู่ 346 โรงเรียน มุ่งสร้างกระบวนการคิด วิเคราะห์ สู่การปฏิบัติจริง ยกระดับองค์ความรู้ด้านเกษตรกรร ม สร้างประโยชน์ต่อชุมชนและเศรษฐกิจประเทศ

ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อว่า สำหรับการติดตามความก้าวหน้าโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียน (Science Technology Innovation (STI) : Smart Intensive Farming) โรงเรียนห้วยสักวิทยาคม และโรงเรียนชุมชนดอยช้าง จังหวัดเชียงรายในครั้งนี้มีผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ในการสร้างองค์ความรู้ทางด้านเกษตรกรรม โดยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นฐาน เข้ามาใช้ประโยชน์ ในภาคการเกษตร หรือเรียกว่า Coding For Farm ซึ่งทั้ง 2 โรงเรียนเป็นตัวอย่างความสำเร็จได้อย่างชัดเจน ในการสร้างองค์ความรู้ให้แก่นักเรียน ตั้งแต่กระบวนการคิด วางแผน และลงมือทำอย่างเป็นระบบ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ให้เป็นทักษะชีวิต

โอกาสนี้ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ได้ทำพิธีเปิดร้านกาแฟเด็กดอยช้างคอฟฟี่ ในบริเวณโรงเรียนชุมชนดอยช้าง ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่บริหารจัดการโดยครู นักเรียน และชาวชุมชนดอยช้าง โดยใช้วัตถุดิบ อาทิ เมล็ดกาแฟ และผลผลิตทางการเกษตรจากในชุมชน ถือเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ สร้างประสบการณ์ รวมถึงสร้างรายได้ให้กับเด็กนักเรียนและโรงเรียน