ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอบคุณครม.หลังอนุมัติเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท บรรเทาความเดือดร้อนผู้ปกครองรับมือวิกฤตโควิด-19 ย้ำในฐานะกำกับดูแลอาชีวะเกษตรเตรียมพร้อมรับมือทุกวิกฤต วางนโยบายระยะยาวสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ ระหว่างเรียนมีรายได้ จบมามีงานทำ แก้จนอย่างยั่งยืน พร้อมให้ทุนการศึกษาช่วยเหลือและส่งเสริมนักเรียนอาชีวะเกษตร

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้มีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงินรวมเกือบ 22,000 ล้านบาท โดยเฉพาะมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. คนละ 2,000 บาท ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นมาตรการเร่งด่วนระยะสั้นที่ต้องการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง

ร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ“คุณหญิงกัลยาได้ขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติงบประมาณให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะให้เงินเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท ตั้งแต่อนุบาลถึงม.6 และระดับปวช.และปวส. วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท ซึ่งวงเงินส่วนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ตัวเลขการช่วยเหลือต่อคนอาจจะไม่มากนักแต่เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ปกครองหลายครอบครัวที่กำลังเผชิญกับวิกฤต” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการภายใต้ความรับผิดชอบของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช มีนโยบายหลายส่วนที่ได้กำหนดไว้เป็นประโยชน์ต่อการวางรากฐานการศึกษาไทยเพื่อรองรับศตวรรษที่ 21 รวมไปถึงที่สำคัญคือการวางนโยบายระยะยาวในการสร้างคน คือ การให้การศึกษากับทุกคนอย่างเท่าเทียม เน้นสร้างงาน คือ ระหว่างเรียนมีรายได้ และสร้างอาชีพ คือ จบมาต้องมีงานทำ โดยเฉพาะนโยบายด้านอาชีวะเกษตรที่คุณหญิงผลักดันและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องเพราะเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม หากนำองค์ความรู้ด้านการเกษตรมารวมกับด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้จะสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน และเศรษฐกิจฐานราก จะเป็นการแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ที่ผ่านมาคุณหญิงกัลยาได้ให้การช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนของผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ การให้ทุนการศึกษาส่วนตัวกับนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) ในหลักสูตร “ชลกร” รุ่นที่ 1 ที่ทุกคนจะได้รับการสนับสนุนค่าเล่าเรียน โดยได้รับการงดเว้นค่าหน่วยกิตตลอดหลักสูตร 2 ปี รวมถึงการผลักดันให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทั่วประเทศปลูกสมุนไพรที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและสอดรับเทรนด์การดูแลรักษาสขภาพ เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย เป็นต้น เพื่อจำหน่ายและแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน